ประกันภัย

“ธุรกิจประกันชีวิต” ฝ่าไวรัสโควิด 4 เดือนที่ผ่านมา ติดลบ 1.24%

“สมาคมประกันชีวิตไทย” เผยธุรกิจประกันชีวิตฝ่าไวรัสโควิด 4 เดือนที่ผ่านมา ติดลบ 1.24% ขณะที่พฤติกรรม New Normal ดันธุรกิจทยอยปรับตัวเป็น Digital Insurer มากขึ้น และปรับผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพให้หลากหลายตรงกับความต้องการของลูกค้ามากขึ้น ชี้ยอดผู้เสียชีวิตจากไวรัสโควิดเมื่อเทียบกับสถิติที่ทำให้คนไทยเสียชีวิตมากที่สุด เช่น โรคมะเร็ง และโรคหัวใจ

นางนุสรา (อัสสกุล) บัญญัติปิยพจน์ นายกสมาคมประกันชีวิตไทย เปิดเผยถึงมุมมองและทิศทางของธุรกิจประกันชีวิตหลังโควิด-19 ระบาดว่า ธุรกิจประกันชีวิตประสบกับความท้าทายครั้งใหญ่มาโดยตลอด ซึ่งปัจจัยหลักคงหนีไม่พ้นเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง ดอกเบี้ยลดต่ำลงเป็นประวัติการณ์ ผลตอบแทนจากการลงทุนลดลง ตามติดมาด้วยวิกฤตการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซ้ำเติมให้เศรษฐกิจโลกทรุดลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ 4 เดือนแรกของปี 63 (มกราคม- เมษายน 2563) ธุรกิจประกันชีวิตมีเบี้ยประกันภัยรับรวมจำนวน 189,380.48 ล้านบาท อัตราการเติบโตลดลงร้อยละ -1.24 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยแยกเป็นเบี้ยประกันชีวิตรับรายใหม่ (New Business Premium) จำนวน 50,942.06 ล้านบาท อัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.69 ประกอบด้วย เบี้ยประกันชีวิตรับปีแรก (First Year Premium) จำนวน 33,217.30 ล้านบาท อัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.24 เบี้ยประกันชีวิตรับจ่ายครั้งเดียว (Single Premium) จำนวน 17,724.76 ล้านบาท มีอัตราการเติบโตลดลงร้อยละ -7.30 และเบี้ยประกันชีวิตรับปีต่ออายุ (Renewal Premium) จำนวน 138,438.42 ล้านบาท มีอัตราการเติบโตลดลงร้อยละ -2.27 และมีอัตราความคงอยู่ 80 ดังนั้น ภาคธุรกิจจึงได้ปรับคาดการณ์การเติบโตของธุรกิจประกันชีวิตในปี 2563 จะลดลง – 2% ถึง -5% ด้วยเบี้ยประกันภัยรับรวม 598,695.82 – 580,368.40 ล้านบาท ซึ่งสอดรับกับจีดีพีของประเทศที่ปรับลดลงเหลือ -5.3% เช่นกัน

ทั้งนี้ จากผลกระทบของเศรษฐกิจโลกและพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ธุรกิจประกันชีวิตได้ทยอยปรับตัวเป็น Digital Insurer มากขึ้น มีการลงทุนในเทคโนโลยีด้วยเม็ดเงินจำนวนมาก เพื่อนำดิจิทัลเข้ามาสนับสนุนการทำงานในทุกช่องทาง โดยมีวิกฤตโควิด-19 เป็นตัวเร่งพฤติกรรมวิถีใหม่ หรือ New Normal หลายคนต้องยอมรับดิจิทัลและการออนไลน์โดยปริยาย พนักงานประจำบางส่วนสามารถทำงานที่บ้านได้อย่างมีประสิทธิภาพเต็มรูปแบบเสมือนทำงานที่บริษัท มีการติดตามงาน ประชุมผ่านเครื่องมืออุปกรณ์ เครือข่ายดิจิทัลรวมถึงยังคงให้บริการลูกค้าได้อย่างต่อเนื่องผ่านลูกค้าสัมพันธ์ Call Center ผ่านช่องทางดิจิทัลในรูปแบบแพลตฟอร์มต่างๆ ลูกค้าสามารถชำระเบี้ยประกันภัยผ่านแอพพลิเคชั่น ติดต่อบริษัทได้โดยตรงอย่างสะดวกและรวดเร็ว ซึ่งการปรับตัวครั้งนี้ไม่เว้นแม้กระทั่งช่องทางการขายผ่านตัวแทนประกันชีวิต โดยได้รับความช่วยเหลือจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ในการออกออกประกาศการขายประกันเฉพาะกิจ Digital Face to Face ผู้เสนอขายสามารถเสนอขายผลิตภัณฑ์ประกันภัย ผ่านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ โดย เสียง และ/หรือภาพ กับลูกค้าได้ ดังนั้น ตัวแทนในวันนี้ จึงสามารถขายผ่านการใช้โทรศัพท์ แอพพลิเคชั่นไลน์ หรือการประชุมผ่านจอภาพกับลูกค้าแล้วขออนุญาตลูกค้าในการบันทึกภาพและเสียงเพื่อส่งให้บริษัท จากนั้นบริษัทจะทำการโทรศัพท์ขอคำยืนยันการทำประกันชีวิตกับลูกค้าร่วมด้วย

ในทำนองเดียวกันธุรกิจได้มีการปรับแต่งระบบการให้บริการผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ ให้มีความเชื่อมโยง และมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งในเรื่องของการวิเคราะห์วิจัยข้อมูลความต้องการของลูกค้า การใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI),การออกกรมธรรม์ออนไลน์ (e-policy),การเรียกร้องสินไหมทดแทน (e-claim) ต่าง ๆ เพื่อลูกค้าได้รับบริการที่สะดวกและรวดเร็วขึ้น

ส่วนการปรับตัวด้านผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตนั้น ธุรกิจได้ทยอยปรับผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตประเภทออมทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูง มีการการันตีผลตอบแทนออกจากตลาด เหตุปัจจัยเสี่ยงจากภาวะดอกเบี้ยต่ำ ทำให้ภาคธุรกิจหาผลตอบแทนให้ลูกค้าได้ยากขึ้น แนวโน้มผลิตภัณฑ์นับจากนี้จึงเป็นผลิตภัณฑ์ควบการลงทุน Universal Life , Unit Linked , หรือ Participating Policy โดยเน้นการลงทุนตามความเสี่ยงที่ผู้เอาประกันภัยยอมรับได้ รวมถึงผลักดันผลิตภัณฑ์ที่ให้ความคุ้มครองประเภทประกันสุขภาพและประกันอุบัติเหตุซึ่งเบี้ยประกันภัยไม่แพง

“จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสวิกฤติโควิด-19 ส่งผลให้ประชาชนตระหนักและให้ความสำคัญกับการประกันสุขภาพมากขึ้น นับเป็นข้อดีของการวางแผนสุขภาพก่อนการเจ็บป่วย ธุรกิจจึงได้มีการปรับผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพให้หลากหลายตรงกับความต้องการของลูกค้าเพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตาม อัตราการเสียชีวิตจากการโรคไวรัสโควิด-19 นั้นน้อยมากเมื่อเทียบกับสถิติที่ทำให้คนไทยเสียชีวิตมากที่สุด เช่น โรคมะเร็งที่เสียชีวิตเฉลี่ยวันละ 215 คน หรือ 78,540 คนต่อปี โรคหัวใจที่เสียชีวิตเฉลี่ยวันละ 57 คน และเสียชีวิต 20,746 คนต่อปี หรือโรคร้ายอื่นๆ สำหรับประชาชนที่มีประกันสุขภาพอยู่แล้วขอให้ตรวจสอบว่ากรมธรรม์นั้นยังไม่ขาดผลบังคับเพื่อความมั่นใจว่ากรมธรรม์เดิมของท่านจะยังคงได้รับความคุ้มครองทั้งโควิด-19 และโรคอื่นๆ ตามเงื่อนไขกรมธรรม์” นายกสมาคมฯ กล่าวในตอนท้าย

Related Articles

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button