“โรงไฟฟ้าชุมชน” ป่วน ! รื้อหลักเกณฑ์ใหม่พ่วงหั่นโครงการเหลือ 200 เมกะวัตต์
“โรงไฟฟ้าชุมชน” ยุค “สุพัฒนพงษ์” สุดป่วน ! หั่นโครงการเหลือ 200 เมกะวัตต์ เท่านั้น และเอกชนหรือวิสาหกิจชุมชนที่สนใจจะต้องยื่นบิดดิ้งทุกโครงการ จับตาปรับหลักเกณฑ์ส่วนแบ่งรายได้เพิ่มขึ้นจาก 25 สตางค์ต่อหน่วย เป็น 35 สตางค์ต่อหน่วย ส่งให้ “กองทุนหมู่บ้าน” แทนที่จะเป็นกองทุนโรงไฟฟ้าชุมชน ตามที่ กพช. ไฟเขียวแล้ว
หลังจากนายสุพัฒนพงษ์ พันธุ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เข้าทำงานที่กระทรวงพลังงานได้สั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องปรับหลักเกณฑ์โรงไฟฟ้าชุมชน จำนวน 700 เมกะวัตต์ใหม่ ด้วยอ้างว่าเพื่อให้เกษตรได้ผลประโยชน์จากแท้จริง ไม่ใช่เอกชนผู้ลงทุนโรงไฟฟ้า พร้อมจะปรับเทคนิควิธีการทำงานใหม่ด้วยการจัดทำบทแทรกขึ้นมาในแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้า 2018 หรือ PDP 2018 ฉบับปัจจุบันเพิ่อให้การดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว แทนที่จะใช้ PDP 2018 ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 1 ที่บรรจุแผนรับซื้อไฟฟ้าจากโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนรวม 1,933 เมกะวัตต์ ซึ่งที่ผ่านมาคาราคาซังจะเสนอ คม. เห็นชอบ แต่ต้องถูกยกเลิกไป พร้อมกำหนดการปรับหลักเกณฑ์ใหม่ครั้งนี้ต้องทำให้เสร็จภายใน 30 วัน หรือจะครบกำหนดวันที่ 20 กันยายน นี้ จากนั้นจะประกาศเชิญชวนให้เอกชนผู้สนใจยื่นข้อเสนอเข้าร่วมโครงการทันที
ล่าสุดผู้สื่อข่าว “สำนักข่าวไทยมุง” รายงานว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนในกระทรวงพลังงาน ได้มีการประชุมหารือเพื่อปรับหลักเกณฑ์โรงไฟฟ้าใหม่แล้ว โดยจะมีการปรับลดจำนวนเมกะวัตต์โรงไฟฟ้าชุมชนประเภททั่วไปจากเดิม 600 เมกะวัตต์ เหลือเพียง 100 เมกะวัตต์ เท่านั้น ส่วนกลุ่มเร่งด่วนนำร่อง หรือ Quick Win ยังคงจำนวนไว้ 100 เมกะวัตต์ เท่าเดิม และอาจจะเปิดให้ยื่นประมูลพร้อมกันทีเดียวเลย เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจหลังไวรัสโควิด และเกรงว่าความไม่แน่นอนทางด้านสถานการณ์การเมืองอาจจะทำให้โครงการล่าช้าออกไปอีก
นอกจากนี้ ในที่ประชุมเพื่อปรับหลักเกณฑ์โรงไฟฟ้าชุมชนในครั้งนี้ได้มีการปรับส่วนแบ่งรายได้โรงไฟฟ้าประเภทเชื้อเพลิงชีวมวล ก๊าซชีวภาพ (น้ำเสีย/ของเสีย) และก๊าซชีวภาพ (พืชพลังงาน) จากเดิมไม่ต่ำกว่า 25 สตางค์ต่อหน่วย เพิ่มเป็น 35 สตางค์ต่อหน่วยให้กับกองทุนหมู่บ้าน ส่วนโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ Hybrid ส่วนแบ่งยังคงเท่าเดิมไม่ต่ำกว่า 50 สตางค์ต่อหน่วย
ไม่เพียงเท่านี้ ยังมีแนวคิดจะส่งเสริมการใช้เชื้อเพลิงชีวมวล เช่น เศษวัสดุทางการเกษตร เศษไม้ ให้มากขึ้นกับโครงการโรงไฟฟ้าชุมชน แต่ขณะนี้ได้รับการคัดค้านจากกลุ่มพลังงานทดแทน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ซึ่งเห็นว่าควรส่งเสริมกลุ่มพืชพลังงานจะเหมาะสมกว่า โดยได้คิดสโลแกนขึ้นมาส่งเสริมการใช้พืชพลังงานเป็นเชื้อเพลิงโรงไฟฟ้าชุมชนว่า “ปลูกป่า ปลูกหญ้า เพื่อผลิตไฟฟ้า”
ผู้สื่อข่าว “สำนักข่าวไทยมุง” รายงานเพิ่มเติมว่า ที่ประชุมยังจะแก้ไขหลักเกณฑ์ผู้ที่จะได้รับส่วนแบ่งรายได้จากโรงไฟฟ้าชุมชนจากเดิมเป็น “กองทุนโรงไฟฟ้าชุมชน” จำนวน 25 สตางค์ต่อหน่วย มาเป็น “กองทุนหมู่บ้าน” ซึ่งอยู่ภสยใต้การดูลของกระทรวงมหาดไทย
ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 19 มี.ค. 63 ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ซึ่งมีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้เห็นชอบให้ปรับแก้ส่วนแบ่งรายได้โรงไฟฟ้าชุมชนจากการจำหน่ายไฟฟ้าที่ยังไม่ได้หักค่าใช้จ่ายใดๆ แบ่งให้กับ “กองทุนโรงไฟฟ้าชุมชน” จากเดิมจะต้องแบ่งให้กับ “กองทุนหมู่บ้าน” โดยให้เหตุผลว่าเพื่อให้ตรงกับวัตถุประสงค์ในการนำเงินจำนวน 25 สตางค์ต่อหน่วยนั้นไปพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากเต็มรูปแบบ ซึ่งจะมีการจัดตั้งและกำหนดระเบียบการใช้จ่ายเงินขึ้นมาใหม่
นอกจากนี้ โครงการโรงไฟฟ้าชุมชน จำนวน 200 เมกะวัตต์ จะมีการเปิดประมูลบิดดิ้งทุกโครงการ แตกต่างจากเดิมที่จะเปิดบิดดิ้งเฉพาะพื้นที่ที่มีผู้สนใจหลายรายเท่านั้น อันเนื่องจากมีข้อจำกัดในเรื่องสายส่งไฟฟ้าไม่เพียงพอ