ฝ่าโควิด ! กฟผ. ระดมพนักงานร่วมบริจาคโลหิตครั้งใหญ่ให้กับสภากาชาดไทย
พนักงาน กฟผ. ร่วมใจบริจาคโลหิตให้กับสภากาชาดไทย เพื่อช่วยเหลือบรรเทาภาวะโลหิตสำรองไม่พอจ่าย จากการระบาดของ COVID-19 พร้อมเชิญชวนประชาชนร่วมบริจาคโลหิตที่หน่วยรับบริจาคโลหิตทั่วประเทศ และรับของที่ระลึกจาก กฟผ. ที่ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย และหน่วยรับบริจาคโลหิต บ้านทรงไทย วงศ์สว่าง กรุงเทพมหานคร
วันนี้ (20 ม.ค.64) นายบุญญนิตย์ วงศ์รักมิตร ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) นำทีมผู้บริหารและพนักงาน กฟผ. ร่วมบริจาคโลหิตให้กับศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย เพื่อช่วยเหลือบรรเทาวิกฤตการขาดแคลนโลหิตสำรอง อันเนื่องมาจากยอดผู้บริจาคโลหิตลดลง ซึ่งเป็นผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ณ หน่วยรับบริจาคโลหิต บ้านทรงไทย วงศ์สว่าง กรุงเทพมหานคร
นางสาวปิยนันท์ คุ้มครอง ผู้ช่วยผู้อำนวยการด้านจัดหาโลหิตและภาพลักษณ์องค์กร ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย กล่าวว่า สถานการณ์ COVID-19 ระลอกใหม่นี้ ส่งผลให้ประชาชนมีความกังวลเรื่องการติดเชื้อจึงทำให้มีจำนวนผู้บริจาคโลหิตลดลงมากถึง ร้อยละ 50 นอกจากนี้ยังส่งผลให้ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติต้องยกเลิกการจัดกิจกรรมรับบริจาคโลหิตตามสถานที่ต่าง ๆ กว่าร้อยละ 35 ทำให้ไม่สามารถจ่ายโลหิตให้กับโรงพยาบาลทั่วประเทศกว่า 340 แห่ง ได้อย่างเพียงพอ ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ซึ่งทำหน้าที่บริหารจัดการโลหิตจึงได้ประกาศขอรับบริจาคโลหิตครั้งใหญ่ เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ป่วย โดยเฉพาะผู้ป่วยผ่าตัดจากอุบัติเหตุ ผู้ป่วยเด็กโรคโลหิต อาทิ โรคโลหิตจางธาลัสซีเมีย หรือฮีโมฟีเลีย ที่ต้องใช้โลหิตในปริมาณมาก และต่อเนื่องตลอดชีวิต โดยหลังจากที่ได้ประกาศเชิญชวนบริจาคโลหิตก็ได้รับการสนับสนุนความร่วมมือจากหน่วยงาน ทั้งภาครัฐ เอกชน ตลอดจนประชาชนจำนวนมาก รวมถึง กฟผ. ที่ได้เล็งเห็นความสำคัญและความจำเป็นในการจัดหาโลหิตในภาวะวิกฤตเช่นนี้ จึงขอขอบคุณทุกท่านในความปรารถนาดีและตั้งใจดีที่เลือกการทำความดี ด้วยการบริจาคโลหิต ได้มีส่วนช่วยเหลือสังคม และที่สำคัญได้ช่วยเหลือผู้ป่วยที่จำเป็นต้องใช้โลหิตในการรักษาได้อย่างทันท่วงที
“โลหิตเป็นยารักษาโรคที่สำคัญ ที่ไม่สามารถผลิตได้ด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ จึงต้องได้รับจากการบริจาคเท่านั้น จึงขอเชิญชวนทุกท่านร่วมบริจาคโลหิตในพื้นที่ที่สะดวก และขอให้มั่นใจได้ว่าทุกส่วนงานบริการโลหิตมีความปลอดภัยสูงสุด ไม่ว่าจะเป็นพนักงานหรือสถานที่ให้บริการ โดยข้อดีของการบริจาคโลหิตทุก 3 เดือน จะทำให้ระบบไหลเวียนโลหิตดีและมีสุขภาพร่างกายแข็งแรงด้วย” นางสาวปิยนันท์ คุ้มครอง กล่าว
นายบุญญนิตย์ วงศ์รักมิตร ผู้ว่าการ กฟผ. กล่าวว่า นอกจากที่ กฟผ. ได้ให้ความช่วยเหลือประชาชนทั่วประเทศในช่วงสถานการณ์ COVID-19 มาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่การระบาดในช่วงปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ด้วยการระดมศักยภาพของพนักงาน ผลิตและจัดหาอุปกรณ์ทางการแพทย์ ส่งมอบให้กับโรงพยาบาลต่าง ๆ ทั่วประเทศ เพื่อช่วยป้องกันและลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ กฟผ. ก็ได้ติดตามกระแสความต้องการของสังคมและได้รับทราบถึงปัญหาการขาดแคลนโลหิตสำรองอย่างหนัก ซึ่งจากสถานการณ์การระบาดของ COVID-19 นี้ ทำให้สภากาชาดไทยไม่สามารถเข้ามารับบริจาคโลหิตที่สำนักงานใหญ่ กฟผ. ได้ตามปกติ กฟผ. จึงได้เร่งดำเนินการประสานไปยังสภากาชาดไทย พร้อมเชิญชวนพนักงาน กฟผ. ร่วมบริจาคโลหิตด้วยกัน รวมทั้งได้อำนวยความสะดวกให้กับพนักงาน กฟผ. ที่ต้องการเดินทางไปร่วมบริจาคที่บ้านทรงไทย วงศ์สว่าง โดยเริ่มบริจาคโลหิตแล้วตั้งแต่วันที่ 18 มกราคม 2564 ที่ผ่านมา นอกจากนี้ กฟผ. ยังได้จัดของที่ระลึกเป็นปฏิทินและสมุดบันทึก กฟผ. ประจำปี 2564 ให้กับผู้เข้าร่วมบริจาคโลหิตที่ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย และหน่วยรับบริจาคโลหิต บ้านทรงไทย วงศ์สว่าง ด้วย
“การบริจาคโลหิตถือเป็นการทำบุญอย่างหนึ่งและเป็นการให้ด้วยจิตอาสาส่วนบุคคลที่สามารถทำได้โดยตลอด ทั้งนี้ ที่ผ่านมา กฟผ. ทั่วประเทศ ได้ร่วมบริจาคโลหิตอย่างต่อเนื่อง โดยมีปริมาณโลหิตที่บริจาคแล้วทั้งหมดเกือบ 14 ล้านซีซี ซึ่งบริจาคให้กับสภากาชาดไทย โรงพยาบาลศิริราช และโรงพยาบาลต่าง ๆ ทั่วประเทศ เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยที่มีความต้องการโลหิต รวมถึงยังได้ร่วมบริจาคดวงตาและอวัยวะให้กับสภากาชาดไทยอีกด้วย” นายบุญญนิตย์ วงศ์รักมิตร กล่าว