“โบลท์เทค” ทำลายสถิติวงการอินชัวร์เทค ขึ้นแท่นยูนิคอร์น ซีรี่ย์ เอ

วันนี้ (1 ก.ค. 64) โบลท์เทค หนึ่งในบริษัทอินชัวเทคระหว่างประเทศที่เติบโตเร็วที่สุด ประกาศเสร็จสิ้นการระดมทุนรอบซีรี่ย์ เอ มูลค่ากว่า 180 ล้านเหรียญสหรัฐ นำโดย เอ็คทิเว็นท์ แคปปิตอล กรุ๊ป (Activant Capital Group (“Activant”)) รวมถึงนักลงทุนรายใหญ่ โทนี่ ฟาเดลล์ (Tony Fadell) – ผู้ก่อตั้ง ฟิวเจอร์ เชป (Future Shape), อัลฟ่า ลีโอนีส พาร์ทเนอร์ (Alpha Leonis Partners), ดอลลิ่ง แคปปิตอล พาร์ทเนอร์ส (Dowling Capital Partners), บี. ไรลี่ เวนเจอร์ แคปปิตอล(B. Riley Venture Capital) และ ทาร์ซาเดีย อินเวสเม้นท์ (Tarsadia Investments) สำหรับรอบการลงทุนนี้ถือเป็น ซีรีย์ เอ ที่ใหญ่ที่สุดสำหรับธุรกิจอินชัวร์เทค โดยโบลท์เทคมีมูลค่าสูงกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ถือเป็นการเติบโตอย่างรวดเร็วสู่ยูนิคอร์นหน้าใหม่แห่งวงการอินชัวร์เทค เพียงหนึ่งปีหลังจากก่อตั้งขึ้นในปี 2563

ด้วยวิสัยทัศน์ของโบลท์เทคที่มุ่งยกระดับและเชื่อมต่อการปกป้องทุกสิ่งมีค่าของลูกค้าด้วยการรับประกันภัยผ่านช่องทางดิจิทัล โบลท์เทคก่อตั้งขึ้นเพื่อเปลี่ยนวิธีการซื้อและขายประกันภัยผ่านช่องทางดิจิทัล และการใช้ข้อมูลเต็มรูปแบบในการขับเคลื่อนความสามารถของธุรกิจ นอกจากนี้ โบลท์เทคยังให้ความสำคัญกับการเชื่อมโยงกันระหว่าง บริษัทรับประกันภัย ช่องทางการจัดจำหน่าย และลูกค้า ทำให้การซื้อและขายผลิตภัณฑ์ประกันภัยและการคุ้มครองทำได้ง่ายและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ในส่วนนายหน้าประกันภัยของโบลท์เทคถือได้ว่าเป็นธุรกิจที่มีการทำธุรกรรมขนาดใหญ่ที่สุดในโลกด้วยเบี้ยประกันภัยมูลค่ากว่า 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และช่องทางการนำเสนอผลิตภัณฑ์มากถึง 5,000 ผลิตภัณฑ์ จากบริษัทรับประกันภัย 150 บริษัท

นอกจากการผนึกกำลังของทีมพนักงานและผู้บริหารกว่า 1,400 ชีวิต โบลท์เทคร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ เช่น บริษัท รับประกันภัย, เทลโคส์ (telcos), ผู้ค้าปลีก ธนาคาร อีคอมเมิร์ซ และช่องทางดิจิทัลแบบต่างๆ เพื่อผนึกกำลังการประกันภัยให้สามารถมอบประสบการณ์ที่ราบรื่นแก่ลูกค้าในเวลาที่ต้องการ ปัจจุบันโบลท์เทคได้ขยายธุรกิจในทุกภูมิภาค ให้บริการลูกค้ามากกว่า 7.7 ล้านรายใน 14 ตลาดทั่ว 3 ทวีป – อเมริกาเหนือ เอเชีย และยุโรป โดยได้รับใบอนุญาตกว่า 50 รัฐในสหรัฐอเมริกา และตลาดสำคัญอีกหลายแห่งในเอเชียและทั่วยุโรป

“ร็อบ ชีเม็ค” (Rob Schimek) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มโบลท์เทค กล่าวว่า “เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ต้อนรับนักลงทุนรายใหม่ และก้าวไปพร้อม ๆ กันจากการสนับสนุนและความร่วมมืออันดีจากพวกเขา เราจะมุ่งเน้นพันธกิจเพือเป็นผู้นำในการสร้างระบบนิเวศโดยใช้เทคโนโลยีชั้นนำของโลกยกระดับการคุ้มครองและประกันภัยอย่างต่อเนื่อง และการลงทุนนี้จะช่วยให้เสริมศักยภาพในการเข้าถึงบริษัทรับประกันภัย ช่องทางการจัดจำหน่าย และลูกค้าได้มากยิ่งขึ้นบนแพลตฟอร์มของเรา และเป็นส่วนสำคัญในการวางอนาคตของวงการประกันภัย”

การลงทุนครั้งนี้มีบทบาทสำคัญในการเร่งขับเคลื่อนการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และแผนการที่จะก้าวเป็นผู้นำในตลาดสหรัฐอเมริกาของโบลท์เทค ในปีที่ผ่านมาโบลท์เทคสามารถขยายลูกค้าองค์กรได้มากขึ้นเป็น 3 เท่า และขยายพันธมิตรช่องทางการจัดจำหน่ายเพิ่มขึ้นถึง 9 เท่าในสหรัฐอเมริกา นอกจากการเพิ่มทุนนี้จะช่วยเสริมศักยภาพความสามารถทางเทคโนโลยีและระบบดิจิทัลแก่ลูกค้าและพันธมิตรทางธุรกิจแล้ว ยังเป็นส่วนสำคัญในการเสริมความแข็งแกร่งในตลาดที่เรามีธุรกิจอยู่ และขยายไปยังระดับสากลต่อไป

ส่วนหนึ่งของการลงทุนนี้ ริชาร์ด เบ็นสัน-อาเมอร์ (Richard Benson-Armer) หุ้นส่วนของ Activant จะเข้าร่วมเป็นคณะกรรมการผู้บริหารโบลท์เทค ร่วมกับ ปีเตอร์ แฮนค็อก (Peter Hancock), โรเบิร์ต คิ้นเซิลล์ (Robert Kyncl) และ มาล์คอล์ม เทิร์นบูล (Malcolm Turnbull)

“สตีฟ ซาร์ราซิโน” (Steve Sarracino) ผู้ก่อตั้งและหุ้นส่วน Activant กล่าวเสริมว่า “ในฐานะนักลงทุนตัวยงในโครงสร้างพื้นฐานการค้าและอินชัวเทค เราเข้าใจทักษะที่จำเป็นในการเชื่อมต่อส่วนต่างๆในอุตสาหกรรม ขจัดแรงเสียดทานที่ไม่จำเป็นและปลดล็อกประสบการณ์ที่ตรงตามความต้องการของผู้บริโภค จากศักยภาพทุกมิติบนแพลตฟอร์มของโบลท์เทค ทำให้โบลท์เทคเป็นผู้นำในธุรกิจอินชัวเทค และเป็นตัวขับเคลื่อนสำหรับอุตสาหกรรมโดยรวมได้โดยไร้ข้อกังขา และเรารู้สึกตื่นเต้นอย่างยิ่งที่จะได้เป็นพันธมิตรกับร็อบและทีมงานทั่วโลกในการสร้างนิยามใหม่ที่เป็นไปได้ในวงการการประกันภัย”

เกี่ยวกับโบลท์เทค

โบลท์เทค ธุรกิจประกันภัยระหว่างประเทศ มีพันธกิจมุ่งเน้นการสร้างระบบนิเวศโดยใช้เทคโนโลยีชั้นนำของโลก เพื่อยกระดับการคุ้มครองและประกันภัย โบลท์เทค ให้บริการลูกค้าใน 14 ตลาดในทวีปอเมริการเหนือ เอเชีย และยุโรป ด้วยความสามารถด้านดิจิทัลและการใช้ข้อมูลเต็มรูปแบบในการขับเคลื่อนธุรกิจ โบลท์เทคเชื่อมโยงระหว่าง บริษัทรับประกันภัย, ช่องทางการจัดจำหน่ายและลูกค้า ทำให้การซื้อและขายผลิตภัณฑ์ประกันภัยและการคุ้มครองง่าย และมีประสิทธิภาพมากขึ้น