กรมเชื้อเพลิงฯ เปิดเอกชน 2 ราย ยื่นขอสิทธิประมูลแหล่งปิโตรเลียมบนบก “สุโขทัย-กำแพงเพชร” คาดประกาศผล ต.ค.นี้
บริษัทเอกชน จำนวน 2 ราย ยื่นคำขอสิทธิสำรวจและผลิตปิโตรเลียม แปลงสำรวจบนบกหมายเลข L1/64 พื้นที่รวม 78.90 ตารางกิโลเมตร คาดเพิ่มกำลังการผลิตปิโตรเลียม เสริมความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ กรมเชื้อเพลิงฯ เตรียมประกาศผลภายในตุลาคม นี้
ตามที่กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ ได้ออกประกาศเชิญชวนให้ยื่นขอสิทธิสำรวจและผลิตปิโตรเลียม แปลงสำรวจเขตพื้นที่บนบก หมายเลข L1/64 จำนวน 1 แปลง พื้นที่รวม 78.90 ตารางกิโลเมตร เขตจังหวัดสุโขทัย และกำแพงเพชร ในรูปแบบสัมปทาน โดยหลังจากนั้นกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ ได้เปิดห้อง Data Room ให้ผู้ที่สนใจยื่นขอสิทธิฯ ได้ศึกษาข้อมูลแปลงสำรวจดังกล่าวอย่างเท่าเทียมกัน เพื่อจัดทำข้อมูลต่าง ๆ ในการยื่นคำขอสิทธิฯ ระหว่างวันที่ 29 กรกฎาคม- 2 สิงหาคม 2564 นั้น
นายสราวุธ แก้วตาทิพย์ อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ เปิดเผยว่า มีบริษัทเอกชน จำนวน 2 ราย ได้แก่ บริษัท ซีเอ็นพีซีเอชเค (ไทยแลนด์) จำกัด และ บริษัท เอนเนอร์จี ไทย เทรดดิ้ง ฮับ ได้ยื่นคำขอสิทธิฯ ในแปลงสำรวจปิโตรเลียมแหล่งบนบกดังกล่าว โดยเอกสารต่าง ๆ ในการยื่นขอสิทธิฯ ประกอบด้วย เอกสารด้านคุณสมบัติของผู้ประกอบการปิโตรเลียมตามกฎหมาย เอกสารข้อเสนอด้านเทคนิค ได้แก่ ข้อมูลเกี่ยวกับโครงการสำรวจปิโตรเลียม ข้อผูกพันด้านปริมาณเงินและปริมาณงานสำหรับการสำรวจปิโตรเลียม รวมทั้งเอกสารเกี่ยวกับผลประโยชน์พิเศษแก่รัฐด้วย ซึ่งหลังจากยื่นคำขอสิทธิฯ แล้ว กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ จะนำเข้าสู่กระบวนการพิจารณาคำขอสิทธิฯ โดยมีขั้นตอนการพิจารณาผ่านคณะอนุกรรมการพิจารณาการ ให้สิทธิสำรวจและผลิตปิโตรเลียม คณะอนุกรรมการพิจารณาข้อกฎหมายและร่างสัมปทานปิโตรเลียม คณะกรรมการปิโตรเลียม และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานตามลำดับ โดยขั้นตอนการพิจารณาดังกล่าว จะใช้เวลาประมาณ 2 เดือน และจะนำผลผู้ได้รับการคัดเลือกเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอนุมัติต่อไป โดยคาดว่าจะสามารถประกาศผลผู้ได้รับสิทธิฯ ภายในเดือนตุลาคม 2564 นี้
“การดำเนินการทุกขั้นตอน เป็นไปอย่างเปิดเผย โปร่งใส และตรวจสอบได้ โดยกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ มีเป้าหมายส่งเสริมให้เกิดการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ที่มีศักยภาพ เพื่อเพิ่มโอกาส ในการค้นพบแหล่งปิโตรเลียมใหม่ ๆ ช่วยให้เกิดการสร้างงาน การจัดสรรรายได้แก่ท้องถิ่น และประเทศ รวมทั้งเกิดประโยชน์ประการสำคัญในการเสริมสร้างความมั่นคงด้านพลังงานให้กับประเทศอย่างต่อเนื่องด้วย” อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติกล่าว
สำหรับการเปิดยื่นขอสิทธิสำรวจและผลิตปิโตรเลียมแปลงสำรวจเขตพื้นที่บนบก หมายเลข L1/64 ครั้งนี้ แบ่งออกเป็น 2 พื้นที่ คือ พื้นที่ A มีพื้นที่ประมาณ 67.66 ตารางกิโลเมตร และพื้นที่ B มีพื้นที่ประมาณ 11.24 ตารางกิโลเมตร โดยพื้นที่ B คือ แปลงสำรวจ NC เดิม ซึ่งได้สิ้นสุดระยะเวลาผลิตปิโตรเลียม ตั้งแต่วันที่ 11 เมษายน 2564 แต่กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติพิจารณาแล้วเห็นว่าแปลง NC ยังคงมีศักยภาพในการผลิตปิโตรเลียมอยู่ อีกทั้งการสำรวจหาศักยภาพปิโตรเลียมเพิ่มเติมในพื้นที่ A จะเป็นการเพิ่มโอกาสในการสำรวจและค้นพบปิโตรเลียมในพื้นที่ใหม่เพิ่มเติม และส่งเสริมให้มีการนำทรัพยากรของประเทศมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด จึงได้เปิดให้ยื่นขอสิทธิสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในแปลงสำรวจดังกล่าว