สมาคมการค้ายาสูบไทย (TTTA) ชี้เครือข่ายลักลอบนำเข้าบุหรี่เติบโตอย่างไม่เกรงต่อกฎหมาย เผยมีการลำเลียงนำเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้านทั้งทางบกและทางทะเลอย่างต่อเนื่องแม้มีการระบาดโควิด พบสตูล-หาดใหญ่เป็นพื้นที่หลักของสินค้าเถื่อน ทำรัฐสูญเงินภาษีปีละ 3-4 พันล้านบาท วอนภาครัฐปราบปรามอย่างจริงจัง เพื่อช่วยลดปัญหาของผู้ประกอบการที่จ่ายภาษีอย่างถูกต้อง
นางวราภรณ์ นะมาตร์ ผู้อำนวยการบริหารสมาคมการค้ายาสูบไทย เปิดเผยว่า “สมาคมฯ ได้รับการร้องเรียนจากร้านค้าเกี่ยวกับปัญหาบุหรี่หนีภาษี ทำให้ร้านค้าที่ถูกกฎหมายได้รับผลกระทบเป็น 2 ต่อ ทั้งปัญหาจากการจำหน่ายสินค้าไม่ได้ เพราะการล็อกดาวน์พื้นที่ ยังมีปัญหาบุหรี่เถื่อนที่เข้ามาเป็นจำนวนมาก แม้สถานการณ์โควิด-19 ระบาดหนักขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในช่วงต้นปี 2564 แต่ปัญหาบุหรี่เถื่อนกลับเติบโตและมีการลักลอบนำเข้าบุหรี่เถื่อนอย่างไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย และไม่เคยล็อกหรือหยุดช่องทางการลักลอบบุหรี่เถื่อนเข้าประเทศได้เลย”
ก่อนหน้านี้ การยาสูบแห่งประเทศไทยได้เปิดเผยประมาณการบุหรี่เถื่อนในประเทศไทยช่วงปี 2563 ว่ามีสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 29 ขณะที่มีรายงานข่าวจากกระทรวงการคลังก่อนหน้านี้ประมานการณ์ว่ารัฐต้องสูญเสียรายได้จากการเก็บภาษีสรรพสามิตบุหรี่เถื่อนไปประมาณ 3,000-4,000 ล้านบาท
“การเติบโตของบุหรี่หนีภาษีแย่งรายได้ร้านค้าปลีกที่ขายถูกต้องตามกฎหมาย โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดสงขลา พัทลุง และสตูลที่มีร้านค้าบุหรี่ถูกกฎหมายประมาณ 8 พันราย แต่ก็มีร้านขายบุหรี่เถื่อนจำนวนมาก ที่มีหน้าร้านเปิดขายบุหรี่เถื่อนอย่างเปิดเผย คนในพื้นที่ทราบกันดี แต่ทำอะไรไม่ได้” นางวราภรณ์ กล่าว
“ถ้าหน่วยงานรัฐยังปล่อยให้มีร้านค้าบุหรี่หนีภาษีท้าทายกฎหมายได้ต่อไปแบบในปัจจุบันนี้ ปัญหาบุหรี่หนีภาษีคงเลวร้ายลงไปอีก ซึ่งเราอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กอ.รมน. กองทัพภาคที่ 4 กรมสรรพสามิต กรมศุลกากร ทัพเรือภาค 2 เอาจริงเอาจังกับการจับกุมผู้กระทำความผิดลักลอบนำเข้าและผู้ขายบุหรี่ที่ไม่เสียภาษี เพื่อคุ้มครองผลประโยชน์เงินภาษีของรัฐ เงินภาษีของท้องถิ่น และรายได้ของร้านค้าที่ถูกกฎหมายในพื้นที่ ก่อนที่ผู้ค้าที่จ่ายภาษีอย่างถูกต้องจะล้มหายไปพร้อมกับสถานการณ์โควิดระลอกปัจจุบัน” นางวราภรณ์ กล่าวสรุป