IRPC เดินหน้าทุ่ม 4 หมื่นล้าน ตั้งเป้าสู่องค์กร Net Zero Emission
IRPC เปิดแผนธุรกิจ 5 ปี ทุ่มลงทุนกว่า 4 หมื่นล้านบาท ตั้งเป้า EBITDA 25,000 ล้านบาท ในปี 2025 และ 35,000 ล้านบาท ในปี 2030 เดินหน้ารุกธุรกิจใหม่ ขยายการเติบโต ต่อยอดความแข็งแกร่ง ให้ธุรกิจปัจจุบัน ด้วยนวัตกรรมการใช้วัสดุและพลังงาน เพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิต พร้อมยึดหลักธุรกิจควบคู่การดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อม ตั้งเป้าลด GHG ลง 20% ในปี 2030 มุ่งสู่องค์กร Net Zero Emission
นายชวลิต ทิพพาวนิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC เปิดเผยว่า “บริษัทฯ ได้วางแผนการลงทุนธุรกิจ 5 ปี (2022-2026) ในวงเงินรวม 41,350 ล้านบาท ตามกลยุทธ์และทิศทางการดำเนินธุรกิจ เพื่อสร้างสัดส่วนรายได้จากธุรกิจใหม่ให้เพิ่มมากขึ้น และสร้างความแข็งแกร่งในฐานธุรกิจปัจจุบัน โดยตั้งเป้าหมาย EBITDA 25,000 ล้านบาทในปี 2025 และ 35,000 ล้านบาทในปี 2030 มุ่งสร้างมูลค่าเพิ่มทางธุรกิจ พร้อมขับเคลื่อนองค์กรสู่ความยั่งยืนในทุกมิติ สร้างคุณค่าร่วมต่อสังคม ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และวางเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Greenhouse Gas: GHG) ลง 20% ในปี 2030”
โดยจะดำเนินการภายใต้กลยุทธ์ การต่อยอดการเติบโตจากกลุ่มธุรกิจในปัจจุบัน การลงทุนในกลุ่มธุรกิจข้างเคียง และการสร้างธุรกิจใหม่ ด้วยการสร้างความเข้มแข็งจากภายใน และต่อยอดความแข็งแกร่งในธุรกิจปัจจุบัน ควบคู่ไปกับการสร้างธุรกิจใหม่ ในโครงการลงทุนที่สำคัญ อาทิ โครงการปรับปรุงประสิทธิภาพโรงกลั่นและปรับปรุงคุณภาพน้ำมันดีเซล ตามมาตรฐานยูโร 5 (Ultra Clean Fuel Project: UCF) มูลค่า 1.33 หมื่นล้านบาท โครงการ Strengthen IRPC เพื่อยกระดับประสิทธิภาพในการดำเนินงานและสร้างความแข็งแกร่งให้กับองค์กร โครงการลงทุนทั่วไป และอื่นๆ ตลอดจนการพัฒนา และการเพิ่มสัดส่วนการขายเม็ดพลาสติกชนิดพิเศษ (Specialty) จาก 23 % ในปี 2022 เป็น 55% ในปี 2030 เป็นต้น โดยบูรณาการกระบวนการทำงานให้สอดรับกับแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของโลกเพื่อตอบสนองลูกค้า และแสวงหาตลาดใหม่ เช่น การเข้าสู่ตลาด Advanced Material สำหรับวัสดุด้านสุขภาพ การแพทย์ และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง (Health & Life Science) การดำเนินการด้านเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) การวิจัยและพัฒนาด้าน Energy Solution ให้สอดรับกับพลังงานในอนาคต (Future Energy) และระบบการกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ (Energy Storage) เป็นต้น
สำหรับความคืบหน้าของโครงการปรับปรุงประสิทธิภาพโรงกลั่นและปรับปรุงคุณภาพน้ำมันดีเซลตามมาตรฐานยูโร 5 (Ultra Clean Fuel Project: UCF) ยังเดินหน้าไปอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับนโยบายของภาครัฐ โดยโครงการจะเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของบริษัทฯ จากแนวโน้มความต้องการที่สูงขึ้นของน้ำมันดีเซลกำมะถันต่ำ (Low Sulfur Diesel) ทั้งภายในประเทศและกลุ่มประเทศในอาเซียน (AEC) ซึ่งนอกจากโครงการ UCF จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้บริษัทฯ ซึ่งมีน้ำมันดีเซลเป็นผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมหลักแล้ว โครงการนี้ยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ช่วยลดปัญหามลภาวะฝุ่นละออง PM 2.5 และตอบสนองนโยบายของบริษัทฯ ที่มุ่งมั่นสู่การเป็นโรงงานสีเขียว (Eco Factory) ที่ทันสมัย ปัจจุบันโครงการอยู่ในขั้นตอนการก่อสร้างโรงงาน โดยจะสามารถผลิตเชิงพาณิชย์ได้ในไตรมาส 1 ปี 2024
ด้านความคืบหน้าโครงการผลิตผ้าไม่ถักไม่ทอ (Non-woven Fabric) ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักสำคัญสำหรับผ้าชั้นกรองหน้ากากอนามัย หน้ากาก N95 ชุดกาวน์ และแผ่นกรองอากาศ ที่บริษัทฯ ถือหุ้น 60% ในการร่วมทุนจัดตั้ง บริษัท อินโนโพลีเมด จำกัด จะสามารถผลิตเชิงพาณิชย์ได้ในไตรมาส 2 ปี 2022 เพื่อช่วยลดการนำเข้าจากต่างประเทศ และยกระดับด้านสาธารณสุข และอุปกรณ์ทางการแพทย์ของประเทศไทย
นอกจากนี้ IRPC ยังตั้งเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG) ลง 20% ในปี 2030 พร้อมมุ่งสู่องค์กร Net Zero Emission โดยจะเพิ่มประสิทธิภาพจากการใช้พลังงานสะอาดมากขึ้น เช่น การขยายโครงการ Floating Solar และโครงการ Solar Farm ในเขตประกอบการอุตสาหกรรมไออาร์พีซี จังหวัดระยอง การวิจัยและพัฒนาวัสดุเคลือบแผง Solar Cell เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้า และส่วนประกอบอุปกรณ์เก็บพลังงานสำรองให้รถยนต์ไฟฟ้า เป็นต้น
และล่าสุดบริษัทฯ ได้รับรางวัล S&P Global Sustainability Award 2022 ในระดับ Bronze Class ในกลุ่มอุตสาหกรรมการกลั่นและค้าน้ำมันและก๊าซ (Oil and Gas Refining and Marketing) และยังได้รับคัดเลือกให้เป็นสมาชิกดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (DJSI) ในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 8 สะท้อนความสามารถในการดำเนินธุรกิจด้วยนโยบายการพัฒนาอย่างยั่งยืน ภายใต้การกำกับดูแลกิจการที่ดี มีธรรมาภิบาล รวมทั้งคำนึงถึง เศรษฐกิจ สังคม ชุมชน สิ่งแวดล้อม และผู้มีส่วนได้เสียของบริษัทฯ ให้เติบโตไปพร้อมกัน “IRPC สร้างสิ่งที่ดีเพื่ออนาคต”