เทคโนโลยี

“ชิลด์” ผนึกกำลัง “ทรูมันนี่” นำระบบ AI มาป้องกันภัยคุกคามไซเบอร์ เล็งขยายสู่ตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

วันนี้ (17 มีนาคม 2565) “ทรูมันนี่” ผู้นำในการให้บริการการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์และบริการทางการเงินดิจิทัลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งให้บริการครอบคลุมประเทศไทย กัมพูชา เมียนมา เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย ล่าสุดประกาศความร่วมมือกับ ชิลด์ ภายใต้ บริษัท ชิลด์ เอ ไอ เทคโนโลจีส์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ดูแลความปลอดภัยทางไซเบอร์ระดับโลกที่มีความเชี่ยวชาญในการป้องกันการหลอกลวงทางไซเบอร์และการระบุตัวตน เพื่อปกป้องแพลตฟอร์มจากผู้ฉ้อโกง โดยความร่วมมือดังกล่าวจะช่วยยกระดับความไว้วางใจสำหรับผู้ใช้โทรศัพท์มือถือ และขับเคลื่อนการเติบโตอย่างต่อเนื่องในภูมิภาค ทรูมันนี่ วอลเล็ท มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในปีที่ผ่านมา ด้วยจำนวนผู้ใช้ในประเทศไทยมากกว่า 24 ล้านคนในปัจจุบัน จากการเพิ่มจำนวนของการทำธุรกรรมแบบไร้เงินสดในภูมิภาค

นางสาวมนสินี นาคปนันท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ (ร่วม) บริษัท แอสเซนด์ มันนี่ จำกัด (บนจอ)

นางสาวมนสินี นาคปนันท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ (ร่วม) บริษัท แอสเซนด์ มันนี่ จำกัด ซึ่งเป็นฟินเทคยูนิคอร์นรายแรกของไทย ภายใต้การกำกับดูแลของ “ทรูมันนี่” กล่าวว่า ขณะนี้ธุรกิจของทรูมันนี่มีผู้ใช้บริการจำนวน 24 ล้านคน และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ คาดว่าในปี 2565 จะเพิ่มขึ้นเป็น 30 ล้านคน และในระยะเวลาอันใกล้ 1-2 ปีนี้ จะมีผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นครอบคลุม 50% ของประชากรทั้งหมดของประเทศ ซึ่งจากการดำเนินธุรกิจมีการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง เราตระหนักดีว่าความเชื่อมั่นของลูกค้า เป็นสิ่งที่มีค่าสูงสุดในการมอบบริการนวัตกรรมทางการเงินอันล้ำหน้า ทำให้เกิคความร่วมมือระหว่างทรูมันนี่้ กับ ชิลด์ บริษัทที่กำกับและจัดการความเสี่ยงชั้นนำของโลกด้วยการใช้เทคโนโลยีล่าสุดด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ด้วยความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์และโซลูชั่นของชิลด์ จะสร้างความแข็งแกร่งให้กับกลยุทธ์ด้านความปลอดภัยเพื่อมอบความมั่นใจสูงสุดให้แก่ผู้ใช้ทรูมันนี่ และทำให้เราสามารถทุ่มเทเวลาได้มากขึ้นให้กับภารกิจของเรา นั่นคือการสร้างสรรค์นวัตกรรมทางการเงิน เพื่อช่วยให้ชีวิตของทุกคนดีขึ้น

นางสาวมนสินี กล่าวว่า จุดเด่นของชิลด์ คือ การมีเทคโนโลยีที่ทันสมัย โดยเฉพาะเรื่อง AI มีความสำคัญมากต่อทรูมันนี่ เพราะมีฐานข้อมูลของลูกค้า และข้อมูลต่างๆ จำนวนมาก จึงจำเป็นจะต้องมีเทคโนโลยีที่มีระบบทันสมัยมามาป้องกันความเสี่ยง ป้องกันการฉ้อโกง อาทิ การสแกนด้วยใบหน้าเพื่อแสดงตัวตนที่แท้จริงสำหรับการเข้าใช้ระบบ ซึ่งคาดว่าจะนำมาใช้จริงภายในปี 2565 นี้

นอกจากนี้ ทางชิลด์ ยังมีประสบการณ์การรองรับลูกค้าเป็นจำนวนมาก มีระบบการทำงานที่เสถียรสามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว ที่สำคัญที่สุดชิลด์มีทีมงานคนรุ่นใหม่ที่มีความมุ่งมั่นในการนำประสบการณ์ที่ดีมาดำเนินการให้แอพพลิเคชั่นของเรามีความปลอดภัยมากที่สุด

“การลงนามร่วมมือกันในครั้งนี้จะเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า และเพื่อรักษาความปลอดภัยให้กับลูกค้าด้วยการนำเทคโนโลยีมาใช้ให้ประสบการณ์การใช้งานได้ง่ายขึ้น เราคาดหวังว่าลูกค้าจะมีประสบการณ์ที่ดีและมีความมั่นใจมากขึ้น และทรูมั่นนี่ถือว่าเป็นบริษัทใหญ่ ความร่วมมือกันครั้งนี้ไม่ใช่เพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับลูกค้าที่ใช้บริการของเราเท่านั้น แต่เราคาดหวังว่าจะเป็นการยกระดับมาตรฐานของอุตสาหกรรมด้วย เพราะเราได้เป็นตัวอย่างที่ที่ดีในการให้บริการแอพฯ วอลเล็ทที่ป้องกันความปลอดภัยให้กับลูกค้าด้วย”

นายจัสติน ลี ผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการบริหาร ชิลด์ (SHIELD)

ด้านนายจัสติน ลี ผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการบริหาร ชิลด์ (SHIELD) ภายใต้ บริษัท ชิลด์ เอ ไอ  เทคโนโลจีส์ จำกัด บริษัทชั้นนำของโลก ด้วยระบบการกำกับและบริหารความเสี่ยงด้านดิจิทัล ได้กล่าวเสริมว่า ปัจจุบันในแต่ละประเทศที่ให้บริการวอลเล็ทจะมีภัยคุกคามเกิดขึ้นประมาณ 5-10% ซึ่งระบบ AI ของชิลด์ จะช่วยหยุดยั้งภัยคุกคามด้วยรูปแบบต่างๆ ด้วยอุปกรณ์และเครือข่ายเพื่อสร้างความปลอดภัยจากประสบการณ์มากกว่า 20 ปีเกี่ยวกับการกำกับดูแลและการจัดการความเสี่ยงด้านความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์  รวมทั้งเป็นผู้ประกอบการด้านเทคโนโลยีและผู้ริเริ่มทางด้านการป้องกันการฉ้อฉลด้วย ทำให้ปัจจุบันชิลด์ เป็นบริษัทชั้นนำของโลกทางด้านการกำกับดูแลและการจัดการความเสี่ยงโดยการใช้ประโยชน์จากการเรียนรู้ทางเครื่องจักร (Machine Learning) และเทคโนโยลีล่าสุดของ AI

ทั้งนี้ วิสัยทัศน์ของ ชิลด์ และทรูมันนี่ มีความสอดคล้องกันคือ ความทุ่มเทที่จะเติบโตเป็นผู้นำในระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งการร่วมมือกันในครั้งนี้จะทำให้ทั้งสองบริษัทก้าวไปสู่จุดหมายดังกล่าวได้ ซึ่งตอนนี้ตลาดวอลเล็ทบนมือถือในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังขยายตัวอย่างมาก และมีการเติบโตเร็วมากกว่าแถบสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป ถึง 1-2 ปี

“เรามีความยินดีที่ได้ร่วมงานกับหนึ่งในสถาบันชั้นนำด้านฟินเทค ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  และเป็นส่วนหนึ่งในการเพิ่มภูมิคุ้มกันทางไซเบอร์ เพื่อสร้างความไว้วางใจสำหรับผู้ใช้โทรศัพท์มือถือ และสร้างมั่นใจให้กับผู้บริโภคในภูมิภาคนี้สามารถเข้าถึงแพลตฟอร์มแห่งโอกาสเพื่อความเท่าเทียมทางการเงินที่ทั่วถึงสำหรับทุกคน”

Related Articles

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button