”อลงกรณ์” กระชับความร่วมมือกับบริษัทการค้าญี่ปุ่นหวังพัฒนาสินค้าเกษตรของไทยเพิ่มส่งออกกว่าแสนล้านบาท
“เฉลิมชัย”เดินหน้าขยายตลาดญี่ปุ่นส่ง ”อลงกรณ์” กระชับความร่วมมือกับบริษัทการค้าญี่ปุ่นหวังพัฒนาสินค้าเกษตรของไทยเพิ่มส่งออกกว่าแสนล้านบาท
วันนี้ (3 ก.ค. 65) รายงานข่าวจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แจ้งว่า นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายสมศักดิ์ วิวิธเกยูรวงศ์ อัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายเกษตร) ประจำกรุงโตเกียว โชติ พึงเจริญพงศ์ คณะทำงานที่ปรึกษารัฐมนตรีเกษตรฯ. นายณฐกร สุวรรณธาดา คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีเกษตรฯ น.ส.นิณา รัตนจินดา ผู้บริหารโปรเฟสอินเตอร์เนชั่นแนลและคณะเข้าเยี่ยมชมระบบความเย็น (Cold Chain) และรับฟังข้อมูลระบบโลจิสติกส์ ระบบเครือข่ายตลาดค้าส่งค้าปลีก รวมถึงการบริหารจัดการคลังสินค้าในการนำเข้าสินค้าเกษตรของไทยมายังประเทศญี่ปุ่น ณ บริษัท P.K. SIAM เมืองโยโกฮามา จังหวัดคานากาวะ
โดยมีนายรุ่งสิทธิ์ สนธิอัชชรา ผู้จัดการฝ่ายการค้า (Trading Division Manager) ให้การต้อนรับ พาชมพร้อมบรรยายสรุป โดยบริษัท พี.เค.สยาม (P.K.SIAM ) เป็นบริษัทผู้นำเข้า
ผักและผลไม้รายใหญ่ในกรุงโตเกียว อาทิ มะม่วงทุเรียน กล้วยหอม ส้มโอ มะพร้าว มังคุด ผักสด น้ำมะนาวคั้นสด รวมถึงสินค้าแปรรูป อาหาร ผลไม้กระป๋อง เป็นต้น
จากนั้นนายอลงกรณ์และคณะะได้เดินทางไปพบหารือกับคณะผู้บริหารของบริษัทไนไกนิตโตะ ซึ่งเป็นบริษัทโลจิสติกส์รายใหญ่มีการร่วมทุนกับไทยจัดตั้งบริษัทในประเทศไทยมากว่า 25 ปี พร้อมกับเยี่ยมชมระบบขนส่งทางเรือทางอากาศซึ่งมีบริการขนส่งยางพาราและเครื่องจักรกลการเกษตรด้วย
นายอลงกรณ์ กล่าวว่า การเดินทางเยือนญี่ปุ่นครั้งนี้เป็นไปตามข้อสั่งการของ ดร. เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่มีนโยบายขยายความร่วมมือทางด้านการเกษตรกับประเทศญี่ปุ่นในมิติต่างๆ ภายหลังจากนายเก็นจิโร คาเนโกะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร ป่าไม้ และประมงญี่ปุ่น พร้อมคณะเข้าพบหารือกับดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการเมื่อต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา
ใจ
“ญี่ปุ่นเป็นตลาดส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารที่สำคัญอันดับ 2 ของไทย ในระหว่างปี 2562-2564 ไทยมีสัดส่วนการส่งออกไปญี่ปุ่นประมาณร้อยละ 11.35 ของมูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรไปตลาดโลก มีการส่งออก เฉลี่ยปีละ 144,820 ล้านบาท โดยสินค้าส่งออกที่สำคัญ ได้แก่ เนื้อไก่ปรุงแต่ง ชิ้นเนื้อไก่แช่แข็ง อาหารสัตว์เลี้ยง ปลาทูนา ปลาสคิปแจ็ค และปลาโบนิโต และยางแผ่นรมควัน ทั้งนี้ ที่ผ่านมา ไทยได้ดุลการค้าสินค้าเกษตรกับญี่ปุ่นมากกว่า 130,000 ล้านบาท
ญี่ปุ่นสามารถผลิตอาหารได้ไม่ถึง 40% ของความต้องการในประเทศมีนโยบายเพิ่มความมั่นคงทางอาหาร และด้วยจำนวนประชากรที่มีกว่า 125 ล้านคนมีกำลังซื้อสูงมีสัมพันธ์ที่ดีกับไทยตลอดมาจึงเป็นโอกาสและจังหวะที่ดีมากในการขยายการส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารมายังตลาดญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นรวมทั้งการร่วมลงทุนด้านเกษตรอุตสาหกรรม เครื่องจักรกลและเทคโนโลยีเกษตรระหว่าง 2 ประเทศตลอดจนการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ทางเรือและทางอากาศ ให้มีต้นทุนและเวลาที่ลดลงมาประการสำคัญคือการรับฟังความเห็นเกี่ยวกับปัญหา อุปสรรคและข้อเสนอแนะโดยตรงจากผู้ประกอบการของไทยและญี่ปุ่นโดยตรงเพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาและกำหนดมาตรการส่งเสริมสนับสนุนของภาครัฐที่มีประสิทธิภาพต่อไป รวมทั้งแนวโน้มความต้องการของตลาดและรสนิยมของผู้บริโภคสำคัญมากต่อการเพิ่มไลน์การผลิตสินค้าเกษตรและอาหารให้สอดคล้องกับตลาดญี่ปุ่นตามยุทธศาสตร์ตลาดนำการผลิต”