UBE Group ปิดดีลซื้อกิจการ บจ. อุบลแสงอาทิตย์ รุกธุรกิจโซลาร์เซลล์ลอยน้ำ
บมจ. อุบล ไบโอ เอทานอล (UBE) โดย บจ. อุบลไบโอเกษตร (UBA) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ ผู้ประกอบธุรกิจเกษตรอินทรีย์ และดูแลบริหารจัดการที่ดินของกลุ่มบริษัท ทุ่มงบ 82.41 ล้านบาท เข้าซื้อกิจการ บจ. อุบลแสงอาทิตย์ บริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ กำลังการผลิต 2.83 เมกะวัตต์ ตามแผนยุทธศาสตร์การสร้างความแข็งแกร่งทางพลังงาน ด้วยการผลิตไฟฟ้าพลังงานสะอาดจากแสงอาทิตย์ หมุนเวียนใช้ภายในกลุ่มบริษัท ตอบโจทย์การก้าวสู่องค์กรที่ใช้พลังงานสะอาดเพื่อช่วยลดภาวะโลกร้อน และลดต้นทุนไฟฟ้าได้กว่า 9 ล้านบาทต่อปี
นางสาวสุรียส โควสุรัตน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. อุบล ไบโอ เอทานอล หรือ UBE ผู้ผลิตและแปรรูปมันสำปะหลังแบบครบวงจรรายใหญ่ของประเทศไทย เปิดเผยว่า UBA ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ ได้เข้าซื้อกิจการ บจ.อุบลแสงอาทิตย์ ผู้ผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ จากบริษัท เบย์วา อาร์.อี. โซล่าร์ พีทีอี แอลทีดี ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในประเทศสิงคโปร์ โดยมีมูลค่าการซื้อขาย จำนวน 82.41 ล้านบาท
“ความสำเร็จในการเข้าซื้อกิจการ บจ.อุบลแสงอาทิตย์ นับเป็นการต่อจิ๊กซอว์อีกชิ้นที่สำคัญในด้านการสร้างความมั่นคงทางพลังงานแบบหมุนเวียนครบวงจรเพิ่มเติมจากหลายโครงการที่กลุ่มบริษัท UBE ได้ดำเนินการมาก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นการนำของเสียจากกระบวนการผลิตมาสร้างเป็นพลังงานหมุนเวียน โดยครั้งนี้เป็นการสร้างสรรค์พลังงานสะอาดจากแสงอาทิตย์ ใช้พื้นที่ภายในให้เกิดประโยชน์สูงสุดคือ สามารถช่วยลดต้นทุนค่าไฟฟ้าที่ใช้ในกระบวนการผลิตได้ประมาณ 9 ล้านบาทต่อปี การเข้าซื้อกิจการดังกล่าว จะเสริมศักยภาพให้กลุ่มบริษัท UBE สามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าได้มากกว่า 10 เมกะวัตต์ต่อชั่วโมง จากพลังงานทดแทน ให้เป็นไปตามเป้าหมายจะใช้พลังงานสะอาด 100%” นางสาวสุรียส กล่าว
กลุ่มบริษัท UBE มีเป้าหมายที่จะสร้างพลังงานหมุนเวียนเพื่อใช้เองภายในกลุ่มบริษัททั้งหมดครบ 100% เพื่อลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานและลดการพึ่งพิงพลังงานจากภายนอก รวมถึงเป็นการสร้างความมั่นคงของระบบไฟฟ้าควบคู่ไปกับการดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน สอดคล้องกับการดำเนินงานตามกรอบธุรกิจแบบ ESG ที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม (Environmental) สังคม (Social) และบรรษัทภิบาล (Governance) ในการมุ่งเน้นการใช้ทรัพยากรอย่างมีคุณค่า มีประสิทธิภาพ และรักษาสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติที่ได้รับผลกระทบจากการดำเนินธุรกิจของกลุ่มบริษัท
นอกจากนี้ กลุ่มบริษัท UBE ยังประกอบธุรกิจผลิตก๊าซชีวภาพและไฟฟ้า โดยใช้วัตถุดิบซึ่งเป็นผลพลอยได้จากกระบวนการผลิตเอทานอลและแป้งมันสำปะหลัง ถือเป็นอีกหนึ่งแนวทางในการดำเนินธุรกิจที่จะช่วยลดอัตราการใช้พลังงานและส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียน โดยปัจจุบัน มีโรงผลิตก๊าซชีวภาพ 3 โรง ได้แก่ โรงผลิตก๊าซชีวภาพระบบ MUR (Methane Upflow Reactor) ดำเนินการโดย UBE โรงผลิตก๊าซชีวภาพระบบ UASB (Upflow Anaerobic Sludge Blanket) ผลิตกระแสไฟฟ้าขนาด 1.9 เมกะวัตต์ และโรงผลิตก๊าซชีวภาพระบบ CLBR (Covered Lagoon Bio-Reactor) ผลิตกระแสไฟฟ้าขนาด 5.6 เมกะวัตต์ ดำเนินการโดย บจ. อุบลซันฟลาวเวอร์ (UBS) ซึ่งสามารถลดค่าใช้จ่ายในกระบวนการผลิต และเพิ่มรายได้ให้กับกลุ่มบริษัทอีกทางหนึ่ง ตลอดจนช่วยยกระดับความมั่นคงในระบบไฟฟ้าของประเทศ และเป็นการดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม