“อุตตม” ประกาศยุทธศาสตร์ตั้ง “กองทุนสร้างอนาคตไทย” 3 แสนล้านนำประเทศพ้นปากเหว
“อุตตม” ชี้การเมืองลากประเทศลงเหว เศรษฐกิจล้าหลัง คอร์รัปชั่นพุ่ง ประชาชนหนี้ท่วมหัว เปิดยุทธศาสตร์ชวนคนไทย “เปลี่ยนอนาคตประเทศ” พร้อมชูแนวคิด “กองทุนสร้างอนาคตไทย” 3 แสนล้านบาท แก้หนี้คนไทยนำประเทศพ้นปากเหว
วันนี้ (28 ส.ค. 2565) ที่ SF World Cinema@Central World พรรคสร้างอนาคตไทย (สอท.) เปิดแถลงข่าวหัวข้อ เปิดยุทธศาสตร์ เราพร้อม “เปลี่ยนอนาคตประเทศไทย” โดยเปิดตัวกองทุนสร้างอนาคตไทย 3 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญนโยบายแรกของพรรค ที่จะใช้เป็นเครื่องมือแก้วิกฤติ ฟื้นเศรษฐกิจ และสร้างอนาคตให้กับประเทศชาติ และประชาชน โดยมีนายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค พร้อมด้วยผู้ร่วมก่อตั้งพรรค และคณะผู้บริหารพรรค ร่วมงานกันอย่างคึกคัก
โดยนายอุตตม กล่าวว่า ประเทศไทยเรากำลังเผชิญปัญหาอุปสรรคหนักหน่วงรอบด้าน ปัญหาเหล่านั้นกำลังเป็นตัวปั่นทอนความหวังของคนไทย โดยเฉพาะการเมืองที่เป็นไปเพื่อรักษาผลประโยชน์และอำนาจของบางกลุ่ม ไม่คำนึงถึงประชาชนที่กำลังเดือดร้อน
“การเมืองคือจุดเริ่มต้นของกงล้อขับเคลื่อนทิศทางประเทศ รวมทั้งเศรษฐกิจความเป็นอยู่ของประชาชน แต่การแก้ไขปัญหาของรัฐวันนี้ถือว่าคลุมเครือ บั่นทอนประชาชน”
พรรคสร้างอนาคตไทย ได้ประกาศตัวว่าจะเป็นพรรคที่เข้ามาแก้วิกฤติของประเทศทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง ในวันนี้พรรคจึงขอประกาศขับเคลื่อนแนวนโยบายคู่ขนานที่สำคัญ คือ 5 แก้ไขได้แก่ 1. หยุดการคอรัปชั่นทุกรูปแบบ 2. การปราบปรามยาเสพติด 3. ลดการผูกขาด เพิ่มการแข่งขัน 4. เพิ่มประสิทธิภาพ และลดขนาดภาคราชการ ลดการบริหารแบบรวมศูนย์ ลดขั้นตอนราชการ และ 5. ยกระดับภาคการเกษตรให้ทันสมัย ปรับปรุงภาคเศรษฐกิจที่ล้าสมัย และ 5 สร้าง ได้แก่ 1. สร้างเศรษฐกิจฐานราก 2. สร้างภาคเศรษฐกิจใหม่ 3. สร้างสังคมที่เกื้อกูล 4. สร้างคน และโครงสร้างพื้นฐาน พร้อมก้าวสู่สังคมยุคใหม่ 5. สร้างการเมืองที่สร้างสรรค์ ซึ่งถือเป็นแนวทางที่จะรีเซ็ตวิกฤตและสร้างอนาคตของประเทศไทย
นายอุตตม กล่าวต่อว่า โดยโจทย์ที่พรรคพร้อมจะแก้ไขมี 2 เร่ง คือ เร่งแรก เร่งรัดแก้ไขปัญหาหนี้สินทุกประเภท และเร่งที่สองคือ เร่งปรับโครงสร้างเศรษฐกิจให้มีศักยภาพ และทันโลกเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน โดยใช้กลไกกองทุนสร้างอนาคตไทย วงเงิน 3 แสนล้านบาท โดยแบ่งเป็นกองทุนคนตัวเล็ก จำนวน 1 แสนล้านบาท เพื่อแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ และปรับโครงสร้างหนี้ พักชำระหนี้เบ็ดเสร็จอย่างน้อย 5 ปี พร้อมทั้งปรับปรุง ปรับเปลี่ยน เสริมสร้างอาชีพ และเติมทุนใหม่ และอีกจำนวน 200,000 ล้านบาท จะเป็นกองทุนเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ และสร้างอนาคตประเทศไทย เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจฐานรากจากการชะงักงัน สร้างเศรษฐกิจยุคใหม่ สู่อนาคตประเทศไทยแห่งความเท่าเทียมและยั่งยืน เสริมนวัตกรรม เร่งสร้าง Startup พัฒนาเกษตรกรรมยุคใหม่ และท่องเที่ยวชุมชน
ด้านนายสนธิรัตน์ ได้สะท้อนถึงสถานการณ์การเมืองในปัจจุบันว่า วันนี้การเมืองไทยติดหล่มอยู่กับการแสวงหาอำนาจเพื่อประโยชน์พวกพ้องของนักการเมือง มุ่งแต่แสวงหาอำนาจ เพื่ออำนวยผลประโยชน์พวกพ้อง โดยไม่ได้ทุ่มเทการทำงานเพื่อความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน และการพัฒนาประเทศ สมกับคำว่าผู้แทนราษฎรหรือตัวแทนของพี่น้องประชาชน จึงทำให้เศรษฐกิจของประเทศติดหล่ม ประเทศไม่ได้รับการพัฒนา ย่ำอยู่กับที่ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม ซึ่งเกิดความเหลื่อมล้ำทั้งด้านสิทธิพื้นฐานในสังคม และการประกอบธุรกิจของคนตัวเล็กตัวน้อย เกิดการคอรัปชั่นที่เลวร้ายที่สุดในประวัติกาล ประชาชนคนไทยเผชิญกับภาวะหนี้สินครัวเรือนที่พุ่งสูงขึ้น เป็นหนี้นอกระบบเป็นจำนวนมาก ซึ่งในวันนี้พรรคสร้างอนาคตไทยมองว่าหากปล่อยให้ประเทศเลวร้ายลงไป อาจจะต้องก้าวสู่ความล่มสลายเหมือนหลายประเทศก็เป็นได้
การเมืองวันนี้ เป็นการเมืองที่เกิดการกัดกร่อนทางความศรัทธา เป็นเพียงการเมืองที่มีเสถียรภาพของเสียงในสภา แต่ไม่มีเสถียรภาพทางการบริหารบ้านเมือง ติดอยู่ภายใต้เงาของอำนาจที่แตกแยก ทำให้ประชาชนหมดหวัง ขาดความมั่นใจต่อนักการเมืองที่บริหารประเทศ ขณะเดียวกันประเทศเผชิญวิกฤตรอบด้าน ทั้งโควิดไม่จบ และยังไม่เปิดโอกาสต่อการเดินหน้าของประชาชน ในวันนี้เป็นปลายสมัยของรัฐบาล จะเห็นได้ว่าสภาผู้แทนราษฎรชุดปัจจุบัน แทนที่จะมุ่งเน้นการบริหารประเทศ แต่กลับบริหารจัดการมุ่งเน้นไปสู่การเตรียมการเลือกตั้งมากกว่า เราจึงอยู่ในภาวะที่น่าเป็นห่วง จากผลกระทบทางการเมืองในปัจจุบัน
“วันนี้ประเทศไทยอยู่ในสภาวะวิกฤต ทั้งเรื่องปากท้องความเป็นอยู่ ปัญหาหนี้สิน การดูแลลูกหลานให้มีอนาคต การเมืองที่ดีควรจะสร้างพลังและความหวังให้กับประชาชน แต่ปัจจุบันประชาชนมองว่ารัฐบาลไม่สามารถทำให้ไว้เนื้อเชื่อใจ เพราะพฤติกรรมของนักการเมือง อีก 7 เดือนถึงเลือกตั้ง แต่สูตรการเลือกตั้งมีปัญหา ทำไมต้องหาร 500 กลับมาหาร 100 อีก หลักของประเทศเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ทำให้ประชาชนไม่เข้าใจและไม่เชื่อมั่น ทุกคนคงได้ยินเรื่องการแจกกล้วยในสภา ต้องบันทึกความอับอายไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ของรัฐสภา เป็นเรื่องที่เลวร้ายที่สุดในระบอบประชาธิปไตย ถ้าเราจะปฏิรูปการเมืองแต่กลไกของรัฐสภาต้องตกอยู่ในอำนาจทุน ทำให้เกิดลับ ลวง พราง นำพาปัญหาต่างๆมาให้ ไม่ว่าจะเศรษฐกิจ สังคม 3 ปีที่ผ่านมา เราเจอทั้ง โควิด-19 สงคราม ทำให้เกิดวาทะกรรม ‘คนรุ่นใหม่อยากย้ายประเทศ’ ดังนั้น เราพร้อมอาสาที่จะเข้ามาแก้ไขวิกฤตของประเทศ พรรคเรามีคนตั้งใจ อยากทำการเมืองใหม่ เราขอแสดงจุดยืนในการช่วยเหลือประชาชน เราอยากเสนอชุดความคิดทางเศรษฐกิจที่มีผู้เชี่ยวชาญ เราอยากเป็นความหวัง ที่พึ่งให้กับประชาชน” นายสนธิรัตน์ กล่าว