สกุู๊ปพิเศษ : คนไทยเฮ ! “กฟผ.-ธอส.” จับมือปล่อยสินเชื่อก้อนใหญ่ หนุนคนไทยเป็นเจ้าของ “บ้านประหยัดพลังงาน”
คนไทยเฮ ! “กฟผ.-ธอส.” จับมือปล่อยสินเชื่อก้อนใหญ่ หนุนคนไทยเป็นเจ้าของ “บ้านประหยัดพลังงาน” ให้คำปรึกษาการสร้าง “บ้านเบอร์ 5” ตรวจประเมิน แบบบ้าน ตั้งเป้า 3 ปี ลดการใช้พลังงานของประเทศ 32.5 ล้านหน่วยต่อปี ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 14,600 ตันต่อปี เดินหน้าขับเคลื่อนประเทศสู่สังคมคาร์บอนต่ำอย่างยั่งยืน
การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้ดำเนินโครงการฉลากแสดงระดับประสิทธิภาพพลังงานสำหรับบ้านที่อยู่อาศัย หรือโครงการบ้านเบอร์ 5 (https://homeno5.egat.co.th) ตั้งแต่ปี 2560 โดยขับเคลื่อนผ่านเกณฑ์ข้อกำหนดด้านการออกแบบ การเลือกใช้วัสดุการก่อสร้าง และอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพสูง รวมทั้งนวัตกรรมระบบบริหารจัดการพลังงาน สนับสนุนการดำเนินมาตรการกำหนดมาตรฐานการใช้พลังงานในบ้านที่อยู่อาศัย (Residential Energy Code ; REC) ตามแผนอนุรักษ์พลังงานของประเทศ
มีแบบบ้านเบอร์ 5 จำนวน 61 แบบ สร้างแล้วเสร็จ 5,400 หลัง ช่วยลดค่าไฟฟ้าของผู้อาศัยได้ประมาณ 44 ล้านบาทต่อปี ส่งผลให้ประเทศประหยัดพลังงานไฟฟ้าได้ประมาณ 11 ล้านหน่วยต่อปี ประหยัดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานให้แก่ผู้อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 40 เมื่อเทียบกับบ้านทั่วไป เทียบเท่าลดการปล่อย
ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงได้ประมาณ 5,300 ตันต่อปี
กฟผ. มุ่งมั่นยกระดับการดำเนินโครงการดังกล่าว จึงร่วมมือกับ ธอส. สนับสนุนการให้บริการทางการเงิน เพื่อส่งเสริมและผลักดันกลุ่มผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ลงทุนพัฒนาที่อยู่อาศัยประหยัดพลังงานและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมทั้งเป็นการกระตุ้นให้เกิดการเลือกซื้อบ้านที่อยู่อาศัยประสิทธิภาพสูงแก่ประชาชนทั่วไป
โดยนายประเสริฐศักดิ์ เชิงชวโน รองผู้ว่าการยุทธศาสตร์ กฟผ. เป็นผู้แทน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ร่วมพิธีลงนามความร่วมมือโครงการยกระดับบ้านประหยัดพลังงานอย่างยั่งยืนเพื่อคนไทย กับนายวิทยา แสนภักดี รองกรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2566
นายประเสริฐศักดิ์ กล่าวว่า กฟผ. ชวน ธอส. มาเป็นผู้สนับสนุนทางด้านการเงินเพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการบ้านจัดสรรให้สร้างบ้านประหยัดพลังงานเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อเป็นทางเลือกให้กับประชาชนที่จะตัดสินใจเลือกซื้อบ้านที่มีประสิทธิภาพ และเป็นส่วนหนึ่งการลดก๊าซเรือนกระจก เพื่อมุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำ โดยความร่วมมือครั้งนี้มีระยะเวลา 3 ปี ตั้งแต่ปี 2566-2568 เพื่อจะผลักดันให้เกิดการสร้างบ้านประหยัดพลังงาน เพื่อให้ลดการใช้พลังงานของประเทศได้ประมาณ 32.5 ล้านหน่วยต่อปี หรือคิดเป็นมูลค่า 130 ล้านบาทต่อปี ลดการใช้ก๊าซธรรมชาติได้ 216,000 ล้านบีทียู และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ประมาณ 14,600 ตันต่อปี
“กฟผ. ริเริ่มทำโครงการบ้านประหยัดพลังงาน เพราะมองว่าบ้านเรือนมีสัดส่วน 28% ของการใช้ไฟฟ้าทั่วประเทศ เดิมครัวเรือนมีการใช้อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าเบอร์ 5 อยู่แล้วทำให้สามารถประหยัดพลังงานได้ 30% ถ้าหากมีการออกแบบแบบประหยัดพลังงานให้ประชาชนเลือกใช้ฟรีก็จะทำให้สามารถประหยัดการใช้ไฟฟ้าได้อีกประมาณ 20%”
นายวิทยา กล่าวเสริมว่า ธอส. ในฐานะสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐสังกัดกระทรวงการคลังที่มีพันธกิจ “ทำให้คนไทยมีบ้าน” ยินดีที่ได้ร่วมมือกับ กฟผ. ในครั้งนี้ โดยพร้อมเป็นกลไกสำคัญในการให้บริการทางการเงินด้วยผลิตภัณฑ์สินเชื่อบ้านประหยัดพลังงานแก่ผู้ประกอบการที่อยู่อาศัย ประชาชนทั่วไปให้สามารถซื้อหรือก่อสร้างบ้านประหยัดพลังงาน ตามแบบบ้านเบอร์ 5 ที่ผ่านตามข้อกำหนดโครงการบ้านเบอร์ 5 ของกฟผ. ภายใต้โครงการบ้านอยู่เย็นเป็นสุขของธนาคาร ซึ่งในปี 2565 มียอดอนุมัติสินเชื่อรวมแล้วกว่า 13,000 ล้านบาท และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สะท้อนการตอบรับของประชาชนต่อที่อยู่อาศัยประหยัดพลังงานและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมที่เพิ่มมากขึ้น และ ธอส. ยังมุ่งมั่นส่งเสริมให้ความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อม ด้านสังคม และบทบาทความรับผิดชอบของธุรกิจที่มีต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียด้วยการมอบผลิตภัณฑ์ บริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของประชาชน
“ในปี 2565 มีการอนุมัติสินเชื่อรวมกว่า 1.3 หมื่น แม้ว่าจะไม่มีการรณรงค์โครงการบ้านอยู่เย็นเป็นสุขเท่าที่ควร แต่ปี 2566 นี้ มีการรณรงค์หลายจุดไม่ว่าจะเป็นแบบบ้านประหยัดพลังงานของ ธอส.ที่ออกแบบไว้แจกให้ประชาชนที่สนใจเลือกไปใช้ฟรี และการจับมือกับกฟผ. ในครั้งนี้ ทำให้ผมคิดว่าผู้ประกอบการน่าจะกระตือรือร้นที่จะสร้างบ้านประหยัดพลังงานมากขึ้น หมายความว่าจะมีลูกค้าก็จะมาซื้อบ้านประหยัดพลังงานมากขึ้น มีการปล่อยสินเชื่อได้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งการปล่อยสินเชื่อในครั้งนี้ได้กำหนดอัตราดอกเบี้ยไม่น่าเกิน 3% จากปกติเราคิดดอกเบี้ยบ้านอยู่เย็นเป็นสุขอยู่ที่กว่า 3%”
นายวิทยา กล่าวด้วยว่า ธอส. เปิดกว้างสนับสนุนการปล่อยสินเชื่อโครงการบ้านประหยัดพลังงานอย่างเต็มที่ โดยไม่มีการจำกัดเพดานวงเงินที่ปล่อยสินเชื่อให้กับประชาชนแต่อย่างใด
ความร่วมมือระหว่าง กฟผ. กับ ธอส. ครั้งนี้ตอบโจทย์ลดภาวะโลกร้อนมุ่งสู่สังคาร์บอนต่ำแล้วยังเป็นการการพัฒนาเศรษฐกิจแบบองค์รวม BCG Model เพื่อการขับเคลื่อนประเทศ ซึ่งเป็นการพัฒนาเศรษฐกิจ 3 มิติ ทั้งเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว โดยใช้แนวทาง ESG ที่คำนึงถึง 3 ด้าน คือ ด้านสิ่งแวดล้อม ด้านสังคม และด้านกำกับดูแลเพื่อความยั่งยืน