เปิดวิชั่น “ชูฉัตร”เลขาธิการ คปภ.คนใหม่ คลอดแผนยุทธศาสตร์ 3 ปี ดันเบี้ยประกันภัยพุ่ง 1 ล้านล้านบาท ชี้กรมธรรม์ “รถอีวี-ประกันสุขภาพ”แชมเปี้ยน
เปิดวิชั่น “ชูวัตร ประมูลผล” เลขาธิการ คปภ.คนใหม่ ขับเคลื่อนธุรกิจประกันภัยให้ “มั่นคง มั่นคั่ง และมุ่งคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของประชาชน” คลอดแผนยุทธศาสตร์ 3 ปี ดันเบี้ยประกันภัยรับรวมพุ่ง 1 ล้านล้านบาทในปี 2569 ชี้กรมธรรม์ประกันภัย “รถยนต์อีวี-ประกันสุขภาพ” มาแรง ขณะที่เบี้ยฯ ปี 66 เติบโต 4.6%
วันที่ 17 มกราคม 2567 นายชูวัตร ประมูลผล เลขาธิการ คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ได้เปิดนโยบายครั้งแรกหลังจากเข้ารับตำแหน่งเลขาธิการ คปภ. คนใหม่ ตั้งแต่วันที่ 31 ตุลาคม 2566 ที่ผ่านมาว่า จากประมาณการตัวเลขการเติบโตของธุรกิจประกันภัยในปี 2566 คาดว่าเบี้ยรวมประกันภัยจะอยู่ที่ 891,621-927,377 ล้านบาท หรือเติบโตเพิ่มขึ้น 4.5-4.6% แบ่งเป็นเบี้ยประกันชีวิตเพิ่มขึ้น 5.16% และเบี้ยประกันวินาศภัยเพิ่มขึ้น 3.92% สะท้อนให้เห็นว่าธุรกิจประกันภัยของประเทศไทยได้กลับมาแล้ว หลังจากประสบกับปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว
“ธนาคารแห่งประเทศไทยประมาณการณ์ว่า ในปี 2566 เศรษฐกิจของเราจะเติบโตอยู่ที่ 2% กว่า แต่ปรากฏว่าธุรกิจประกันภัยมีการเติบโต 4% หมายความว่า ธุรกิจประกันภัยกลับมาแล้ว มีการเติบโตมากกว่ากันเท่าตัว”
นายชูวัตร กล่าวว่า ตนได้วางยุทธศาสตร์ของสำนักงาน คปภ. ระยะ 3 ปี (พ.ศ. 2567-2569) กำหนดให้สำนักงาน คปภ.เป็นองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมประกันภัยให้เติบโต มั่นคง และยั่งยืน ซึ่งกำหนดวิสัยทัศน์ให้ธุรกิจประกันภัย “มีความมั่นคง มั่นคั่ง และมุ่งคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของประชาชน” เมื่อบวกกับทิศทางของธุรกิจประกันภัยอยู่ในช่วงขาขึ้น คาดว่าสิ้นปี 2569 จะผลักดันเบี้ยประกันภัยรับรวมให้มีการเติบโตเพิ่มขึ้นเป็น 1 ล้านล้านบาท
“เมื่อถึงปี 2570 เราก็จะได้พูดกันว่าตอนนี้เบี้ยประกันภัยรับรวมเราอยู่ที่ 1 ล้านล้านบาทแล้ว ภายในแนวคิดที่อยากเห็นธุรกิจประกันภัยมีความมั่นคง มั่นคั่ง และมุ่งเน้นเรื่องคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของประชาชน เราจะไม่เน้นทุ่มเทด้านใดด้านหนึ่งแต่เพียงอย่างเดียว เราจะไม่ให้น้ำหนักไปแต่เพียงด้านคุ้มครองสิทธิประโยชน์แต่เพียงอย่างเดียว จนลืมไปว่าเราคือ ผู้กำกับและส่งเสริมธุรกิจนี้ เราจะไม่ออกระเบียบบีบคอธุรกิจประกันภัยจนขยับตัวไม่ได้ แต่เราจะไม่ผ่อนคลายที่จะทำให้ธุรกิจประกันภัยเกิดความไม่มั่นคง แต่เราจะทำทุกอย่างให้บาลานซ์ซึ่งกันและกัน” เลขาธิการ คปภ. ระบุ
นายชูวัตร กล่าวด้วยว่า เบี้ยประกันภัยรับรวมที่เพิ่มขึ้นเป็น 1 ล้านล้านบาท ในปี 2569 นั้น แบ่งเป็นธุรกิจประกันชีวิตจะมาจากกรมธรรม์ประกันสุขภาพ ซึ่งปัจจุบันจะเห็นว่าประกันสุขภาพมีการขยายตัวมาก เพราะประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ คนไทยมีอายุยืนมากขึ้น ขณะที่ค่ารักษาพยาบาลเพิ่มขึ้นปีละ 8.9% ทำให้ทุกคนหันมาใส่ใจเรื่องความคุ้มครองสุขภาพกันมากขึ้น ในปี 2567 จะเห็นบริษัทต่างๆ จะพัฒนากรมธรรม์แบบใหม่ๆ ออกมาเพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคกลุ่มนี้มากขึ้น
ส่วนประกันวินาศภัยจะเป็นกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ โดยเฉพาะประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ซึ่งตอนนี้ประกันภัยรถอีวีของประเทศไทยมียอดเติบโตไปกับทิศทางความต้องการใช้รถยนต์อีวี ที่เพิ่มขึ้น ทำให้การแข่งขันประกันภัยรถอีวีมีมากขึ้น จะเห็นว่ามีการขายประกันตัดราคากันเกิดขึ้นแล้ว เพราะลูกค้ามีความต้องการมากขึ้นนั้นเอง นอกจากนี้ กรมธรรม์ประกันภัยรถอีวีของไทยได้พัฒนาไปไกลเป็นอันดับหนึ่งในภูมิภาคอาเซียนแล้ว เพราะมีความคุ้มครองที่เหมาะสม ทำให้มีบางประเทศนำไปต้นแบบทำประกันภัยรถอีวีของประเทศตัวเอง
เลขาธิการ คปภ. กล่าวด้วยว่า สำหรับวิสัยทัศน์ในการขับเคลื่อนสำนักงาน คปภ. ประกอบด้วย 5 ข้อด้วยกัน ได้แก่ 1.Urgent mission ยกเครื่องการกำกับดูแลความเสี่ยงและการตรวจสอบบริษัทประกันภัยมุ่งสร้างความแข็งแกร่ง มั่นคง และความน่าเชื่อถือให้กับระบบเพื่อตอกย้ำความมั่นคงและสร้างศรัทธาให้กับประชาชน โดยเน้นการแก้ไขสกัดกั้นผลกระทบ ป้องปรามการกระทำผิดและลงโทษตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด
2.Strengthen the industry การสร้างความแข็งแกร่ง มั่นคง และความน่าเชื่อถือให้กับระบบประกันภัย เพื่อตอกย้ำความมั่นใจ และสร้างศรัทธาให้กับประชาชน 3.Drive the growth : Insurace into everyone ผลักดันให้การประกันภัยเป็นกลไกขับเคลื่อนชีวิต เศรษฐกิจ และสังคมของคนในชาติ “ประชาชนทำประกันภัยด้วยความเชื่อมั่นบริษัทประกันเติบโตอย่างมั่นคง ประเทศมีความมั่งคั่ง”
4.Thailand to Global : Hub of Insurance การยกระดับประกันภัยไทยให้ก้าวล้ำ นำสมัย ในระดับสากล 5.OIC Human quality, Organization of Competency การสร้างคนให้มีความสามารถอย่างโดดเด่น มีคุณภาะสูงและมีเป้าหมายเดียวกันคือ การขับเคลื่อนให้ OIC เป็นองค์กรแห่งความภาคภูมิใจของคนไทย
