พลังงาน

“พลังงาน”อัดเงินลดภาระประชาชน 4.5 หมื่นล้านสู้โควิด-19

“สนธิรัตน์”ฝ่าวิกฤตงัด 4 มาตรการเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบโควิด-19 รวมเงิน 4.5 หมื่นล้าน จ่ายคืนประกันมิเตอร์ กว่า 21 ล้านครัวเรือน 3 หมื่นล้านในรอบบิลเดือนมี.ค. นี้ พร้อมลดค่าไฟฟ้า 3 เดือนตั้งแต่เม.ย.-มิ.ย. เซฟเงินในกระเป๋าได้ 1 หมื่นล้าน ขยายเวลาชำระค่าไฟออกไปได้นานถึง 6 เดือน และนำเงินจากกองทุนพัฒนาไฟฟ้า 4 พันล้านนำไปจัดสรรเพิ่มพัฒนาแหล่งน้ำสร้างงานในชนบทแก้ภัยแล้ง

วันนี้ (วันที่ 9 มี.ค.63) ที่กระทรวงพลังงาน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมหัวหน้าส่วนราชการหรือเทียบเท่า ครั้งที่ 1 ประจำปี 2563 โดยมีนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.กระทรวงพลังงาน ให้การต้อนรับ และนายกรัฐมนตรีได้รับฟังความคืบหน้าการดำเนินการนโยบายต่างๆ และมอบนโยบายให้ทุกส่วนราชการที่เข้าร่วมกว่า 40 หน่วยงาน บูรณาการการทำงานในช่วงเวลาที่เกิดวิกฤตโรคระบาดจากเชื้อไวรัสโควิด-19

โดยพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวภายหลังการประชุมว่า มาตรการเยียวยาผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 แม้ว่าจะผ่านการเห็นชอบจากที่ประชุม ครม. เศรษฐกิจแล้วก็ตาม ทุกอย่างจะต้องผ่านการคัดกรองจากในที่ประชุม ครม.ใหญ่อีกครั้งหนึ่ง ไม่ใช่ทุกโครงการจะต้องผ่านทั้งหมด รวมถึงการจ่ายเงินเยียวยาให้คนละ 2,000 บาท ก็จะยังไม่มีการจ่ายแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม มาตรการที่ได้เห็นชอบแล้วเป็นการคืนเงินประกันมิเตอร์ไฟฟ้า ให้หมดทุกครัวเรือนที่มีบ้านของตัวเอง ที่เป็นลูกค้าชั้นดี ยกเว้นผู้ประกอบการขนาดใหญ่ รวมถึงการลดค่าไฟ ประปา น้ำมัน แก๊ส ซึ่งจะมีการพิจารณาในที่ประชุม ครม. วันที่ 10 มีนาคม นี้

ด้านนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.กระทรวงพลังาน เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ว่า ที่ประชุมได้เห็นชอบออกมาตรการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบความเดือดร้อนจากไวรัสโควิด-19 และภัยแล้ง มี 4 มาตรการเร่งด่วน จำนวนเงิน 4.5 หมื่นบาท ประกอบด้วย มาตรการแรก การคืนเงินประกันมิเตอร์ไฟฟ้าให้กับครัวเรือนทั่วประเทศ จำนวน 21.5 ล้านราย โดยจะคืนให้กับผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทที่ 1 บ้านอยู่อาศัย ประเภทที่ 2 กิจการขนาดเล็ก และประเภทที่ 5 โรงแรม วงเงินรวม 3 หมื่นล้านบาท ส่วนเงินที่แต่ละครัวเรือนจะได้รับคืนขึ้นอยู่กับการวางเงินประกันการใช้ไฟฟ้าไว้เท่าใด มีตั้งแต่ 300-6,000 บาท โดยจะเริ่มทยอยคืนในรอบบิลสิ้นเดือนมีนาคม 2563 นี้ ประชาชนสามารถยื่นขอเงินคืนได้จากไฟฟฟ้านครหลวง หรือการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ซึ่งจะมีเงินกลับคืนสู่พี่น้องประชาชนรวม 3 หมื่นล้านบาท

มาตรการที่ 2 ได้ลดค่าไฟเพื่อลดภาระกับประชาชน จากเดิมค่าไฟที่จะจ่ายจริงอยู่ที่ 3.70 บาทต่อหน่วย แต่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงน (กกพ.) ได้ปรับลดค่าเอฟทีทำให้ปัจจุบันประชาชนจ่ายค่าไฟอยู่ที่ 3.60 บาทต่อหน่วย และให้ดำเนินการตรึงราคาต่อไปจากเดิมที่จะสิ้นสุดเดือนเมษายน นี้ เพื่อไม่เป็นการเพิ่มภาระกับประชาชน พร้อมกันนี้ได้ให้ทางการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) และการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) เข้ามาร่วมตรึงราคาช่วง 3 เดือน ตั้งแต่เดือนเมษายน-มิถุนายน 2563 อีก 11 สตางค์ต่อหน่วย ทำให้ค่าไฟลดลงมาอยู่ที่ 3.50 บาทต่อหน่วย คิดเป็นเงินที่ทั้ง 3 หน่วยงาน กกพ. กฟภ. และกฟน. จะนำมาอุดหนุนลดค่าไฟครั้งนี้ประมาณ 1 หมื่นล้านบาท

มาตรการที่ 3 ได้ขยายเวลาการชำระค่าไฟฟ้าแบ่งออกเป็น 2 รอบบิล ในช่วงเดือนเมษายน และเดือนพฤษภาคม โดยสามารถขยายการชำระค่าไฟออกไปได้นานถึง 6 เดือน เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระประชาชน โดยผู้ได้รับสิทธิ์นี้จะเป็นผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทที่อยู่อาศัย และกิจการขนาดเล็ก รวมถึงโรงแรมที่จะได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19

และมาตรการที่ 4 นำเงินจากกองทุนพัฒนาไฟฟ้า สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เริ่มที่จำนวน 4 พันล้านบาท เดิมใช้เงินก้อนนี้ดำเนินการใน 72 จังหวัด เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายในพื้นที่ ทางกระทรวงพลังงานจะบูรณาการร่วมกับกระทวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จำนวน 4 พันล้านบาทและจะมีเพิ่มเติมเข้ามาอีกเพื่อนำไปสร้างงานเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ อาทิ การขุดลอกคลอง หนอง บึง การขุดบ่อบาดาล เป็นต้น เป็นการสร้างงานที่ก่อให้เกิดประโยชน์ และช่วยแก้ปัญหาภัยแล้งที่เกิดขึ้นด้วย ซึ่งจะมีการเร่งรัดโครงการรวมถึงขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้าง รวมถึงการปรับโครงการเพื่อให้สอดรับการใช้เงินจากกองทุนพัฒนาไฟฟ้า

โดยทั้ง 4 มาตรการเร่งด่วนจะนำเสนอเข้าสู่การพิจารณาที่ประชุม ครม. ในวันที่ 10 มี.ค. นี้ เพื่อเป็นการช่วยเหลือแบ่งเบาภาระประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากไวรัสโควิด-19

Related Articles

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button