กกพ. ชงบอร์ดไฟเขียวหลักเกณฑ์การรับซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าชุมชนวันนี้ (13 มี.ค.63) ก่อนเปิดประชาพิจารณ์ต่อไป มั่นใจขั้นตอนทำงานทันกับการดำเนินการของ พพ. ที่ได้เปิดประชาพิจารณ์ในวันนี้เช่นกัน ก่อนจะเปิดคัดเลือกผู้เอกชนที่สนใจยื่นข้อเสนอโรงไฟฟ้าชุมชนต่อไป เผยหลักเกณฑ์การคำนวณผลประโยชน์ตอบแทนชุมชน
นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้คณะอนุกรรมการพิจารณาหลักเกณฑ์ และระเบียบการรับซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าชุมชน ของสำนักงาน กกพ. ได้พิจารณาเสร็จเรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะคล้ายๆ กับหลักเกณฑ์ในการรับซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าขยะ และได้นำเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (บอร์ด กกพ.) ในวันนี้ (13 มีนาคม 2563) หลังจากนั้นจะเปิดประชาพิจารณ์ต่อไป
“ผมคิดว่าขั้นตอนการขับเคลื่อนโรงไฟฟ้าชุมชนของสำนักงาน กพพ. แม้จะอยู่ในขั้นตอนนำเข้าสู่บอร์ดพิจารณาหลักเกณฑ์และระเบียบการรับซื้อไฟฟ้า แต่ยืนยันว่าสามารถเร่งการทำงานได้เร็วทันกับขั้นตอนของกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงานที่ได้เปิดประชาพิจารณ์ในวันที่ 13 มีนาคม นี้ เพื่อเปิดคัดเลือกเอกชนผู้สนใจต่อไป”
นายคมกฤช อธิบายว่า หลังจากมีการเปิดประชาพิจารณ์ในส่วนของขั้นตอนการรับซื้อไฟฟ้าแล้ว ถ้ามีการแสดงความคิดเห็นก็จะนำมาปรับแก้ ขั้นตอนตอนต่อไปถ้าเป็นระเบียบก็จะประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษาก่อน แต่ถ้าเป็นประกาศก็ดำเนินการได้เลย
ผู้สื่อข่าว “สำนักข่าวไทยมุง” รายงานว่า การคัดเลือกเอกชนที่สนใจดำเนินการโรงไฟฟ้าชุมชนไฟฟ้าชุมชน นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน จะเน้นย้ำเสมอว่า คะแนนการพิจารณาจะให้ความสำคัญกับการคืนผลประโยชน์ตอบแทนให้กับชุมชนถึง 60% เพื่อเป็นการยกระดับเศรษฐกิจฐานราก สร้างรายได้ สร้างอาชีพให้กับเกษตรกร โดยในหลักเกณฑ์การคัดเลือกผู้สนใจยื่นข้อเสนอนั้นได้กำหนดผลประโยชน์ที่ชุมชนจะได้รับไว้ว่า ผู้สนใจจะต้องนำเสนอส่วนแบ่งจากรายได้ที่เกิดจากการจําหน่ายไฟฟ้าที่ยังไม่ได้หักค่าใช้จ่ายใดๆ แบ่งเป็นส่วนแบ่งรายได้ ไม่ต่ำกว่า 0.25 บาทต่อหน่วย สําหรับโรงไฟฟ้าประเภทเชื้อเพลิงชีวมวลก๊าซ ชีวภาพ (น้ำเสีย/ของเสีย) ก๊าซชีวภาพ (พืชพลังงาน) และส่วนแบ่งรายได้ไม่ต่ำกว่า 0.50 บาทต่อหน่วย สําหรับโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่เป็น Hybrid พร้อมกันนี้ ยังได้กำหนด หลักเกณฑ์การคำนวณผลประโยชน์คืขสู่ชุมชนเอาไว้ด้วย (ดูรูปประกอบ)
