“วิริยะฯ”โชว์เทคโนโลยีรับยุคดิจิทัล ปลื้ม! ปี 62 เบี้ยรับรวม 3.8 หมื่นล.
“วิริยะประกันภัย”ประกาศความสำเร็จด้านเทคโนโลยี ตอกย้ำความเป็นอันดับ 1 ประกันวินาศภัยไทยยุค“Digital Disruption” เผยนวัตกรรม 3 ด้านหลักที่บรรลุผล “เทคโนโลยีเพื่อการวิเคราะห์ เทคโนโลยีเพื่อเชื่อมต่อคู่ค้าเป็นหนึ่งเดียว เทคโนโลยีเพื่อบริการสินไหม” ล่าสุดก้าวไปอีกขั้นเปิดแพลตฟอร์ม “VClaim on VCall”บริการเคลมผ่านจอมือถือ เชื่อมรรคผลความสำเร็จด้านเทคโนโลยีจะทำให้ผลประกอบการปี 63 โตถึง 3% ส่วนผลประกอบการปี 62 มีเบี้ยรับรวม 38,896 ล้านบาท เฉพาะผลประกอบการการประกันภัยที่ไม่ใช่รถยนต์ มี เบี้ยรับรวม 4,078 ล้านบาท โดยมีสินค้าที่เติบโตโดดเด่น “ประกันสุขภาพ-ประกันภัยความรับผิดผู้ขนส่งทางบก”
นายอมร ทองธิว กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การดำเนินธุรกิจในปี 2563 นอกจากจะถูกท้าทายด้วยปัจจัยเดิมๆ ที่มีผลให้เศรษฐกิจในภาพรวมมีทิศทางไม่ค่อยสดใสมากนัก ไม่ว่าจะเป็นผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจในประเทศ ค่าเงินบาท แนวโน้มการส่งออก และวิกฤตล่าสุดผลกระทบจากโรคระบาดไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ โควิด-19 (COVID-19) ผู้ประกอบการยังถูกท้าทายจากปัจจัยภายในองค์กรของตนเอง นั่นก็คือความสามารถในการปรับตัวให้ก้าวทันยุค “Digital Disruption” อีกด้วย
“เรื่องเทคโนโลยีดิจิทัลนี้ ต้องยอมรับว่าจะทวีบทบาทและความสำคัญต่อธุรกิจประกันภัยมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยจะถูกนำมาประยุกต์ใช้ เพื่อสร้างความแตกต่าง และสามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค และยังช่วยแก้ปัญหา Pain Point ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในเรื่องประกันภัย ตั้งแต่เรื่องผลิตภัณฑ์จนถึงการบริการ” นายอมรกล่าว
นายอมร เปิดเผยต่อไปอีกว่า วิริยะประกันภัย ในฐานะผู้นำอันดับ 1 ของธุรกิจประกันวินาศภัยไทย บริษัทยังมุ่งมั่นที่จะทำหน้าที่บริหารจัดการความเสี่ยงภัยให้กับลูกค้าอย่างมืออาชีพ กล่าวคือ รวดเร็ว เหมาะสม เป็นธรรม และที่สำคัญ บริษัทได้รับการไว้วางใจจากผู้บริโภคให้ช่วยบริหารความเสี่ยงภัยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกๆ ปี ซึ่งในปัจจุบันบริษัทฯ มี Market Share ของธุรกิจประกันวินาศภัยโดยรวมอยู่ที่ประมาณ 16% หรือ 1 ใน 6 เปรียบเทียบได้ว่าในจำนวนผู้ทำประกันภัย 6 คน ต้องเป็นลูกค้าวิริยะประกันภัย 1 คน ส่วน Market Share เฉพาะตลาดประกันภัยรถยนต์ โดยรวมอยู่ที่ 24% หรือ 1 ใน 4 เปรียบเทียบได้ว่าในจำนวนรถยนต์ 4 คัน ต้องมีรถยนต์ที่ทำประกันภัยกับวิริยะประกันภัย 1 คัน ซึ่งปัจจุบัน บริษัทดูแลลูกค้าอยู่ประมาณ 8 ล้านกรมธรรม์ แยกเป็นประกันรถยนต์ (Motor) 6.5 ล้านกรมธรรม์ และการประกันภัยที่ไม่ใช่รถยนต์ (Non-Motor) อีก 1.5 ล้านกรมธรรม์ และในจำนวนนี้บริษัทได้มีโอกาสให้บริการเคลมสินไหมทดแทนคิดเป็น 1 ล้านเคลมต่อปี ซึ่งการบริการเคลมสินไหมที่บริษัทให้บริการลูกค้า ถือเป็นภารกิจสำคัญและท้าทายที่บริษัทต้องใส่ใจ ดูแล เพื่อให้มั่นใจได้ว่าผู้เอาประกันภัยจะได้รับการบริการที่ดีมีคุณภาพดังที่กล่าวมาข้างต้นว่า การประกันภัยในยุคดิจิทัลต้องพร้อมรองรับทุกการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ประกอบกับพฤติกรรมของผู้บริโภคเริ่มซับซ้อนขึ้น มีไลฟ์สไตล์แตกต่างกัน มีแพลตฟอร์มเทคโนโลยีใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมาย และแตกต่างจากอดีตอย่างสิ้นเชิง บริษัทจึงตระหนักถึงความจำเป็นและเร่งด่วนของเทคโนโลยี และได้มีการดำเนินการด้านเทคโนโลยีมาอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นการสร้างนวัตกรรมใน 3 ด้านหลัก ดังนี้
- เทคโนโลยีเพื่อใช้ประโยชน์จากข้อมูล (DATA- DRIVEN TECHNOLOGIES) ซี่งจะเป็นเครื่องมือช่วยในการวิเคราะห์ ทำให้บริษัทเข้าใจและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น (Customer Insights) เช่น ระบบ CRM โดยในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา บริษัทได้มีการพัฒนาเทคโนโลยีมาอย่างต่อเนื่อง ส่วนปีนี้บริษัทยังเติมเต็มเทคโนโลยีเพื่อใช้ประโยชน์จากข้อมูลในหลายๆ เรื่องด้วยกัน โดยเลือกเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพ นำมาผสานกับข้อมูลที่บริษัทมีอยู่เป็นจำนวนมากในทุกๆ กระบวนการทำงาน โดยเฉพาะเรื่องเคลม เพื่อช่วยให้บริษัทได้วิเคราะห์ข้อมูลที่เกิดขึ้นในอดีต และคาดการณ์สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตได้อย่างแม่นยำ (Data Analytics) นำไปสู่การพัฒนาปรับปรุงผลิตภัณฑ์และการบริการให้ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและตรงประเด็น ทั้งหมดนี้เพื่อให้ลูกค้าตระหนักถึงประโยชน์ของการประกันภัยในด้านการช่วยแก้ปัญหา และลดภาระค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิดให้กับผู้เอาประกันภัยและครอบครัว
- เทคโนโลยีเพื่อการเชื่อมต่อทางธุรกิจกับคู่ค้า API (Application Programming Interface) ด้วยแพลตฟอร์มเทคโนโลยีใหม่ที่เกิดขึ้น ช่วยเอื้อประโยชน์ในการเปิดกว้างให้แบรนด์วิริยะประกันภัย สามารถเชื่อมโยง และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น ผ่านหลากหลายช่องทางพันธมิตรทางธุรกิจหรือคู่ค้า ในระยะเวลาที่รวดเร็ว ซึ่งปีที่ผ่านมาบริษัทได้ร่วมมือกับคู่ค้าหลายราย เพื่อขยายช่องทางการขาย และพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการประกันภัยใหม่ๆ สำหรับลูกค้าแต่ละกลุ่ม ซึ่งมีความต้องการ และไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกันไป โดยสุดท้ายทั้งลูกค้า และภาคธุรกิจจะได้ประโยชน์ร่วมกันจากการประกันภัย
- เทคโนโลยีเพื่อบริการสินไหม วิริยะประกันภัย เน้นย้ำและดำเนินการอย่างต่อเนื่องเรื่องการพัฒนา นวัตกรรมด้านสินไหม จากสถิติข้อมูลสินไหมประกันภัยรถยนต์พบว่าเคลมที่เกิดขึ้นส่วนมากเป็นเคลมแบบไม่มีคู่กรณีหรือเคลมบริการ ซึ่งลูกค้าสามารถนัดหมายทำเคลมได้ภายหลัง เราคัดสรรเทคโนโลยีที่เหมาะสมเข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า ไม่ต้องเสียเวลารอคอยพนักงานเคลม ด้วยการทำเคลมผ่าน “VClaim on VCall” ซึ่งใช้งานง่าย สะดวก รวดเร็วแบบเรียลไทม์ เป็นทางเลือกให้กับกลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบเทคโนโลยีได้ทำเคลมผ่านช่องทางนี้
ส่วนทางด้านการรับประกันภัยที่ไม่ใช่รถยนต์ (Non-Motor) นายอมร กล่าวเพิ่มเติมว่า ด้วยความเป็นแบรนด์วิริยะประกันภัย ทำให้บริษัทได้รับความไว้วางใจ และเข้าถึงลูกค้าได้ง่าย ซึ่งเป็นผลมาจากการได้รับการยอมรับเรื่องบริการสินไหมทดแทน ซึ่งบริษัทฯ ได้บ่มเพาะประสบการณ์และความเชี่ยวชาญด้านประกันภัยรถยนต์มาอย่างยาวนาน ดังนั้นการขยายตลาดสู่ประกัน Non-Motor จึงเป็นเรื่องที่บริษัททำได้ค่อนข้างประสบความสำเร็จ วัดผลได้จากอัตราการเติบโตที่เพิ่มขึ้น โดยบริษัทยังคงยืนยันเป้าหมายการเพิ่มขึ้นของสัดส่วนงานประกันภัยที่ไม่ใช่รถยนต์ (Non-Motor) เป็น 20% ภายใน 5 ปี
สำหรับผลประกอบการการดำเนินงานในปี 2562 นายอมร ได้เปิดเผยว่า ปีที่ผ่านมาเป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปว่าปัจจัยแวดล้อมทางเศรษฐกิจในภาพรวมยังคงเป็นปัจจัยเชิงลบในทุกๆ ด้าน จนทำให้ต้องมีการปรับลดประมาณการอัตราขยายตัวทางด้านเศรษฐกิจ (GDP) มาอย่างต่อเนื่อง แต่ผลประกอบการของบริษัทฯ ยังคงเติบโตอยู่ในแดนบวก โดยมีเบี้ยรับรวม 38,896 ล้านบาท แยกเป็นเบี้ยประกันภัยรถยนต์ 34,818 ล้านบาท เป็นสัดส่วน 89.52% และเบี้ยประกันภัยที่ไม่ใช่รถยนต์ 4,078 ล้านบาท มีสัดส่วน 10.48% ในขณะที่อัตราส่วนสัดส่วนของค่าสินไหมทดแทนต่อค่าเบี้ยประกันภัย (Loss Ratio ) ยังอยู่ในเกณฑ์ดี คือ 63.33% ส่วนทางด้านความมั่นคงของบริษัทฯ ในด้านสินทรัพย์มีมูลค่า 76,077 ล้านบาท มีอัตราส่วนเงินกองทุนที่ต้องดำรงไว้ตามกฏหมายอยู่ที่ 215.90% เกินกว่ามาตรฐานที่สำนักงาน คปภ. กำหนดไว้ 150%
“ด้วยความสำเร็จที่เกิดขึ้นทำให้แคมเปญเพื่อการส่งเสริมภาพลักษณ์องค์กรประจำ 2563 บริษัทฯ จึงเลือกใช้แคมเปญ “ขอบคุณที่ทำให้เราเป็นอันดับ 1 ตลอดมา” ทั้งนี้ เพื่อเป็นการขอขอบคุณ ลูกค้า ตัวแทน นายหน้า คู่ค้า องค์กรพันธมิตรทุกภาคส่วน ที่มอบความไว้วางใจให้วิริยะประกันภัย ได้มีส่วนดูแลด้านประกันภัย จนสามารถครองความเป็นอันดับหนึ่งของอุตสาหกรรมประกันวินาศภัยมาอย่างต่อเนื่องยาวนานเป็นปีที่ 33” นายอมรกล่าว
ส่วนทางด้าน นายสยม โรหิตเสถียร รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงการดำเนินธุรกิจประกันภัยที่ผ่านมาว่า บริษัทให้ความสำคัญกับการพัฒนาปรับปรุงคุณภาพการบริการอยู่สม่ำเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเพิ่มศักยภาพด้านการรับประกันภัยรถยนต์ ซึ่งถือเป็นจุดแข็งของบริษัทด้วยการบ่มเพาะความเชี่ยวชาญจากประสบการณ์การเคลมสินไหมกว่า 1 ล้านเคสต่อปี จึงทำให้วิริยะประกันภัยยังคงความเป็นผู้นำธุรกิจประกันวินาศภัยและประกันภัยรถยนต์มาอย่างต่อเนื่อง
โดยเทคโนโลยีที่บริษัทได้ดำเนินการมาแล้วอย่างระบบ “Viriyah Smart Claim” (VSC) อันเป็นการนำสมาร์ทโฟนมาผสานการทำงานร่วมกันกับแผนที่นำทาง Google Map ซึ่งระบบจะบ่งบอกสถานะการทำงานของพนักงานตรวจสอบอุบัติเหตุ เพื่อช่วยในเรื่องของการบริหารจัดการการมอบหมายงาน เมื่อมีงานรับแจ้งอุบัติเหตุ หรือการเคลมนัดหมายเกิดขึ้น นอกจากนี้ บริษัทยังได้พัฒนาต่อยอดระบบงาน VSC มาสู่ระบบงานตรวจสอบอุบัติเหตุ “V-Surveyor” เป็นการเคลมผ่านมือถือแบบเรียลไทม์ ซึ่งได้เพิ่มในส่วนของการบันทึกงานตรวจสอบอุบัติเหตุและการออกเอกสารใบรับรองความเสียหายให้แก่ผู้เอาประกันภัย โดยพนักงานตรวจสอบอุบัติเหตุสามารถดำเนินการได้ทันทีผ่านสมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ต ณ จุดเกิดเหตุ
“ปัจจุบันบริษัทได้นำระบบ VSC เข้าสู่ระบบงานสินไหมทดแทนทั่วประเทศแล้ว ควบคู่ไปกับการขยายระบบงาน V-Surveyor ซึ่งประโยชน์ที่ได้คือ ลูกค้าได้รับการบริการสินไหมที่สะดวก รวดเร็วมากขึ้น และบริษัทสามารถบริหารจัดการระบบงานตรวจสอบอุบัติเหตุ และมอบหมายงานบุคลากรในการออกให้บริการลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น”