สังคมไทยมุง

บูมปาล์มน้ำมันช่วยเกษตรกร ติด“บล็อกเชน”คุมราคาต้นน้ำยันปลายน้ำ เดินหน้าหนุนใช้ B10 เรียกชื่อ “ดีเซล”

“สนธิรัตน์” บูมปาล์มน้ำมันช่วยเหลือเกษตรกรประสบปัญหาราคาตกต่ำ เร่งติดตั้งบล็อกเชนควบคุมราคาปาล์มตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ ดัดหลังพ่อค้าคนกลางและการลักลอบน้ำเข้า กรมธุรกิจพลังงานได้ฤกษ์ถกคัดเลือกผู้ประกอบการวันที่ 15 พ.ค.นี้ พร้อมเดินหน้าหนุนการใช้ B10 เป็นน้ำมันพื้นฐาน ดีเดย์ 1 ต.ค. นี้ เปลี่ยนชื่อเรียกว่า “ดีเซล”

นายสนธิรัตน์ สนธิรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า กระทรวงพลังงานยังคงผลักดันแนวทางการแก้ปัญหาราคาผลปาล์มตกต่ำ โดยได้มอบให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เร่งจัดซื้อน้ำมันปาล์มดิบ หรือ CPO ส่วนที่เหลือ 37,550 ตัน จากมติ ครม. เห็นชอบเพื่อนำมาผลิตกระแสไฟฟ้า พร้อมกันนี้ได้เดินหน้านโยบายสนับสนุนการใช้น้ำมันดีเซล B10 เพื่อช่วยดูดซับสต็อก CPO ที่ปัจจุบันมีอยู่ปริมาณมากและช่วยส่งเสริมให้ราคาผลปาล์มขยับขึ้นไปด้วย

นอกจากนี้ กรมธุรกิจพลังงานยังเตรียมนำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาดูแลการซื้อขายปาล์มทั้งระบบ เมื่อมีการติดตั้งเสร็จจะทำให้เห็นราคาปาล์มทั้งวงจรเชื่อมโยงกันจะสามารถตัดวงจรการลักลอบน้ำเข้า และแก้ปัญหาพ่อค้าคนกลาง เช่น ปัจจุบันเมื่อราคา CPO ที่ขยับขึ้นไปอยู่ที่ 21 บาทต่อกิโลกรัม จะทำให้ราคาผลปาล์มขึ้นไปอยู่ที่ 3.50 บาทต่อกิโลกรัม แต่ขณะนี้ราคาผลปาล์มกลับอยู่ที่ 2.70-2.90 บาทต่อกิโลกรัมเท่านั้น ซึ่งในวันที่ 15 พ.ค.นี้ กรมธุรกิจพลังงานจะมีการประชุมหารือกับผู้ประกอบการบล็อกเชน เพื่อสรุปเริ่มนำร่องบางบริษัทได้ในเดือน มิ.ย. นี้

นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ปัจจุบันราคาผลปาล์มตกต่ำลงอยู่ที่ 2.7-2.9 บาทต่อกิโลกรัม สาเหตุมาจากเป็นช่วงฤดูกาลของผลผลิต และการบริโภคลดลง 20-30% มาอยู่ที่ 7.5-8.0 หมื่นตันต่อเดือน จากปกติจะอยู่ที่ 1 แสนตันต่อเดือน นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยจากภาคพลังงานมีการใช้ลดลงจาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด ทำให้ช่วงเดือนม.ค. ที่ผ่านมามีปริมาณการใช้ B100 ลดลงมาอยู่ที่ 4.9 ล้านลิตรต่อวัน จาก 5.3 ล้านลิตรต่อวัน

แต่ล่าสุดช่วงต้นเดือน พ.ค. จากสถานการณ์เริ่มคลายล็อกดาวน์มาตรการต่างๆ ทำให้ยอดใช้ B100 กลับมาเพิ่มขึ้นเฉลี่ยอยู่ที่ 5.4 ล้านลิตรต่อวัน ซึ่งจะช่วยผลักดันความต้องการใช้ CPO เพิ่มขึ้น จากนโยบายการนำมาผลิตเป็น B100 เพื่อใช้ผสมใน B10 เริ่มเห็นผลแล้ว

นายสนธิรัตน์ กล่าวด้วยว่า ตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นนโยบาย B10 ขายอยู่ที่ 3-4 หมื่นลิตรต่อวัน ปัจจุบันได้ขยับขึ้นมาเป็น 17 ล้านลิตรต่อวัน จากเป้าหมายที่วางไว้ 20 ล้านลิตรต่อวัน ซึ่งแสดงว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดไม่ได้มีผลกระทบต่อนโยบาย B10 แต่อย่างใด

นอกจากนี้ กระทรวงพลังงานได้เดินหน้านโยบาย B10 โดยมอบให้กรมธุรกิจพลังงานออกประกาศคุณลักษณะและคุณภาพของน้ำมันดีเซล เพื่อให้สถานีบริการน้ำมันเปลี่ยนคำเรียกชื่อ B10 เป็นน้ำมันดีเซล หลังจากมีการประกาศให้ B10 เป็นน้ำมันพื้นฐานมาตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. ที่ผ่านมา และให้น้ำมัน B7 ที่เรียกว่าน้ำมันดีเซล กลับมาเรียกว่า น้ำมันดีเซล B7 มีผลตั้งแต่ 1 ต.ค.เป็นต้นไป ส่วนน้ำมันที่คาดว่าจะมีการยกเลิกในอนาคตน่าจะเป็น B20

“ตั้งแต่มีการใช้น้ำมัน B10 มาพบว่า ไม่มีการข้อเรียนจากลูกค้าเลยว่า ทำให้เครื่องยนต์ไม่แรง นั่นจึงเป็นเครื่องพิสูจน์ได้ว่า B10 เป็นน้ำมันที่มีคุณภาพ”

Related Articles

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button