เปิดตัวเลขคนไทยใช้น้ำมันช่วงโควิดลดฮวบ ร่วงหนักสุด “เติมเครื่องบิน” ร้อยละ 33.7
“โควิด” พ่นพิษทำคนไทยใช้น้ำมันเชื้อเพลิงช่วงเดือน ม.ค.-เม.ย. 63 ลดลงร้อยละ 11.7 โดยกลุ่มน้ำมันอากาศยานเชิงพาณิชย์ หรือ Jet A1 ลดลงมากที่สุดร้อยละ 33.7 รองลงมาเป็นน้ำมันเตาและ NGV สาเหตุมาจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จนต้องประกาศ พรก.ฉุกเฉิน ต้อง “อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ” ส่วนการนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงก็มีปริมาณรวมลดลงร้อยละ 7.6 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน เฉลี่ยอยู่ที่ 979,427 บาร์เรล/วัน โดยมีปริมาณการนำเข้าน้ำมันดิบลดลงร้อยละ 3.5 คิดเป็นมูลค่า 48,608 ล้านบาท/เดือน
ผู้สื่อข่าว “สำนักข่าวไทยมุง” ความจริง คือ ความจริง รายงานจากกรมธุรกิจพลังงานว่า ภาพรวมการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยต่อวันรอบ 4 เดือน ระหว่างเดือนมกราคม-เมษายน 2563 พบว่า ลดลงคิดเป็นร้อยละ 11.7 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยกลุ่มเบนซิน ลดลงร้อยละ 8.1 กลุ่มดีเซล ลดลงร้อยละ 4.8 น้ำมันอากาศยานเชิงพาณิชย์ (Jet A1) ลดลงร้อยละ 33.7 น้ำมันเตา ลดลงร้อยละ 26.3 น้ำมันก๊าด ลดลงร้อยละ 14.3 LPG ลดลงร้อยละ 13.6 และ NGV ลดลงร้อยละ 23.8 โดยมีสาเหตุสำคัญมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในช่วงต้นปี 2563 จึงทำให้ประเทศไทยต้องประกาศ พรก.สถานการณ์ฉุกเฉิน ตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม 2563 เพื่อควบคุมการแพร่ระบาด โดยมีมาตรการ Lock down ทำให้การดำเนินธุรกิจหยุดชะงัก จึงส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
สำหรับการใช้น้ำมันกลุ่มเบนซิน เฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 29.47 ล้านลิตร/วัน ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนคิดเป็นร้อยละ 8.1 โดยกลุ่มแก๊สโซฮอล์มีปริมาณการใช้ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน เฉลี่ยอยู่ที่ 28.69 ล้านลิตร/วัน คิดเป็นร้อยละ 7.6 ขณะที่น้ำมันเบนซินมีการใช้ลดลงเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 0.78 ล้านลิตร/วัน คิดเป็นอัตราลดลงร้อยละ 22.5 สำหรับภาพรวม การใช้น้ำมันกลุ่มแก๊สโซฮอล์ พบว่า แก๊สโซฮอล์ อี85 มีปริมาณการใช้ลดลงมากที่สุดเฉลี่ยอยู่ที่ 0.97 ล้านลิตร/วัน คิดเป็นอัตราลดลงร้อยละ 24.7 รองลงมาเป็นแก๊สโซฮอล์ 91 มีปริมาณการใช้เฉลี่ยอยู่ที่ 8.16 ล้านลิตร/วัน คิดเป็นอัตราลดลงร้อยละ 15.5
ถัดมาเป็นแก๊สโซฮอล์อี 20 มีปริมาณการใช้อยู่ที่ 6.03 ล้านลิตร/วัน คิดเป็นอัตราลดลงร้อยละ 5.9 ขณะที่แก๊สโซฮอล์ 95มีปริมาณการใช้ลดลงน้อยที่สุดเฉลี่ยอยู่ที่ 13.53 ล้านลิตร/วัน คิดเป็นอัตราลดลงร้อยละ 1.2 เนื่องจาก แก๊สโซฮอล์ 95 มีราคาใกล้เคียงกับแก๊สโซฮอล์ 91 โดยมีส่วนต่างเพียง 0.27 บาท/ลิตร จึงทำให้ผู้บริโภคเลือกใช้น้ำมันชนิดที่มีค่าออกเทนสูงกว่า
ส่วนการใช้น้ำมันกลุ่มดีเซล เฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 66.16 ล้านลิตร/วัน ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนคิดเป็นร้อยละ 4.8 โดยน้ำมันดีเซลหมุนเร็วธรรมดา บี7 มีปริมาณการใช้ลดลงเฉลี่ยอยู่ที่ 48.80 ล้านลิตร/วัน คิดเป็นอัตราลดลงร้อยละ 25.8 น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี10 มีปริมาณการใช้เฉลี่ยอยู่ที่ 8.40 ล้านลิตร/วัน (เริ่มมีการจำหน่ายตั้งแต่ปลายเดือนพฤษภาคม 2562) และน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี20 มีปริมาณการใช้เฉลี่ยอยู่ที่ 5.93 ล้านลิตร/วัน (เริ่มมีการจำหน่ายตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2561) โดยปริมาณการใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็วดังกล่าวอยู่ในช่วงการดำเนินการตามนโยบายของภาครัฐที่ใช้มาตรการราคากำหนดให้ น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี10 เป็นน้ำมันดีเซลฐานของประเทศ
การใช้น้ำมันอากาศยานเชิงพาณิชย์ (Jet A1) เฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 13.80 ล้านลิตร/วัน ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของ ปีก่อน คิดเป็นร้อยละ 33.7 เนื่องด้วยสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการบินอย่างมากอีกทั้งสายการบินประกาศหยุดให้บริการเส้นทางบินระหว่างประเทศตั้งแต่ช่วงกลางเดือน มี.ค.2563 รวมถึงสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ได้ประกาศห้ามอากาศยานทำการบินเข้าสู่ประเทศไทยเป็นการชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 7 เม.ย 2563 เป็นต้นไป เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จึงส่งผลให้ความต้องการใช้ลดลงอย่างต่อเนื่อง
การใช้ LPG เฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 15.65 ล้านกก./วัน ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนคิดเป็นร้อยละ 13.6 โดยปริมาณการใช้ ภาคขนส่งลดลงมากที่สุด มีปริมาณการใช้อยู่ที่ 2.12 ล้านกก./วัน คิดเป็นอัตราลดลงร้อยละ 27.9 รองลงมาเป็นภาคปิโตรเคมี มีปริมาณการใช้อยู่ที่ 6.28 ล้านกก./วัน คิดเป็นอัตราลดลงร้อยละ 16.6 ถัดมาเป็นภาคครัวเรือนมีปริมาณการใช้ลดลงอยู่ที่ 5.51 ล้านกก./วัน คิดเป็นอัตราลดลง ร้อยละ 5.2 และภาคอุตสาหกรรมมีปริมาณการใช้ลดลงอยู่ที่ 1.73 ล้านกก./วัน คิดเป็นอัตราลดลงร้อยละ 4.5
การใช้ NGV เฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 4.31 ล้านกก./วัน ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นร้อยละ 23.8 เนื่องจากนโยบายส่งเสริมการใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี20 สำหรับรถบรรทุกขนาดใหญ่ทำให้ประชาชนและรถโดยสารหันไปใช้ดีเซลหมุนเร็วบี 20 ทดแทน อีกทั้งภาครัฐมีนโยบายการปรับราคาขายปลีก NGV สำหรับรถยนต์ส่วนบุคคลทั่วไปเพื่อสะท้อนต้นทุน จึงทำให้ราคาปรับตัวสูงขึ้น ประกอบกับราคาน้ำมันในตลาดถูกลง ส่งผลให้ผู้บริโภคหันไปใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์หรือดีเซลหมุนเร็วแทน
การนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิง มีปริมาณรวมลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน เฉลี่ยอยู่ที่ 979,427 บาร์เรล/วันคิดเป็นร้อยละ 7.6 โดยมีปริมาณการนำเข้าน้ำมันดิบเฉลี่ยอยู่ที่ 947,032 บาร์เรล/วัน คิดเป็นอัตราลดลงร้อยละ 3.5 คิดเป็นมูลค่า 48,608 ล้านบาท/เดือน เนื่องจากยังอยู่ในช่วงเวลาการหยุดซ่อมบำรุงโรงกลั่น และการ Lock down อย่างต่อเนื่อง ทำให้ต้องลดปริมาณการนำเข้าน้ำมันดิบเข้ากลั่นลง สำหรับน้ำมันสำเร็จรูป เป็นการนำเข้าน้ำมันเบนซินพื้นฐาน น้ำมันดีเซลพื้นฐาน น้ำมันเตา น้ำมันอากาศยานและก๊าด และ LPG โดยมีปริมาณนำเข้าลดลงอยู่ที่ 32,395 บาร์เรล/วัน คิดเป็นอัตราลดลงร้อยละ 58.9 คิดเป็นมูลค่า 1,661 ล้านบาท/เดือน
สำหับการส่งออกน้ำมันสำเร็จรูป เป็นการส่งออกน้ำมันเบนซิน น้ำมันดีเซลพื้นฐาน น้ำมันเตา น้ำมันอากาศยานและก๊าด และ LPG โดยมีปริมาณส่งออกเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน เฉลี่ยอยู่ที่ 186,432 บาร์เรล/วัน คิดเป็นร้อยละ 5.5 คิดเป็นมูลค่า 9,244 ล้านบาท/เดือน