คนเมินทำประกัน “สงกรานต์”จ่ายสินไหมจิ๊บจ้อย
“สมาคมประกันชีวิตไทย”แจ้งคนไทยทำประกันชีวิตน้อย ส่งผลกระทบในวงกว้างก่อให้เกิดความสูญเสียต่อเศรษฐกิจและสังคมเป็นอย่างมาก เผยช่วง 7 วันอันตรายเทศกาลสงกรานต์ ระหว่างวันที่ 11 ถึง 17 เมษายน 2562 ที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิตรวมทั้งสิ้น 386 ราย และในจำนวนผู้ที่เสียชีวิตทั้งหมดมีผู้ทำประกันชีวิตไว้เพียง 97 ราย เป็นเงินสินไหมมรณกรรมสุทธิ 36,645,453.43 ล้านบาท ขณะที่ผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจากอุบัติเหตุบนท้องถนนส่งผลเสียต่อระบบเศรษฐกิจปีละ 5 แสนล้านบาท
นายพิชา สิริโยธิน ผู้อำนวยการบริหาร สมาคมประกันชีวิตไทย กล่าวว่า เทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมาถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ทุกคนต่างพากันเก็บเกี่ยวความสุขและเติมพลังให้ชีวิต เพื่อกลับมาทำหน้าที่ของตนเองต่อไป แต่สำหรับบางครอบครัวกลับต้องเริ่มต้นปีด้วยความโศกเศร้าเนื่องจากต้องสูญเสียผู้ซึ่งเป็นที่รักไปอย่างกะทันหัน ทั้งนี้ ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. 2562 (ศปถ.) ได้รายงานว่าช่วง 7 วันอันตราย ระหว่างวันที่ 11 ถึง 17 เมษายน 2562 ที่ผ่านมามีอุบัติเหตุเกิดขึ้น 3,338 ครั้ง มีผู้บาดเจ็บ 3,442 ราย และมีผู้เสียชีวิตทั้งสิ้น 386 ราย
ทั้งนี้ สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด คือ ดื่มแล้วขับ ร้อยละ 36.61 ขับรถเร็วเกินกำหนด ร้อยละ 28.31 ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 79.25 ซึ่งพบว่าในจำนวนผู้ที่เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุมีผู้ที่ทำประกันชีวิตไว้เพียง 97 รายเท่านั้น ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 25.13 ของจำนวนผู้เสียชีวิตทั้งหมด โดยมีจำนวนสินไหมประกันชีวิตรวมทั้งสิ้น 36,645,453.43 ล้านบาท
จากการวิจัยของสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) พบว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนนใน 1 ปี เฉลี่ยประมาณ 20,000 กว่าราย ส่วนผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุบนท้องถนนใน 1 ปี เฉลี่ยประมาณ 100,000 กว่าราย และเมื่อเอาตัวเลขทั้ง 2 ส่วนมารวมกันจะพบยอดความสูญเสียต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศไทยมีมากกว่า 500,000 ล้านบาท/ปี ดังนั้น การประกันชีวิตและการประกันอุบัติเหตุจึงมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อการลดภาระและการสูญเสียทางเศรษฐกิจของประเทศได้เป็นอย่างดี
จากข้อมูลเบื้องต้นแสดงให้เห็นว่า การรวมพลังของทั้งภาครัฐและเอกชนที่ช่วยกันรณรงณ์ให้ขับขี่ปลอดภัยและรณรงค์ให้ประชาชนวางแผนคุ้มครองชีวิตและทรัพย์สินในช่วงต้นเทศกาลสงกรานต์ ส่งผลให้ปีนี้ความสูญเสียมีลดลงมากกว่าเมื่อปี 2561 ทั้งๆ ที่ปริมาณรถวิ่งเข้าออกกรุงเทพมหานครมีสูงมากกว่าทุกปีถึง 7 ล้านคัน และถึงแม้การสูญเสียมีจำนวนน้อยลง แต่การจ่ายเงินค่าสินไหมมรณกรรมกลับมีจำนวนมากขึ้น นั่นแสดงให้เห็นว่าประชาชนเริ่มทำประกันชีวิตมากขึ้น
แต่ถึงอย่างไรจำนวนผู้ที่มีประกันชีวิตก็ยังมีอยู่ไม่มากเมื่อเทียบกับประชากรในประเทศ โดยคนส่วนใหญ่มักมุ่งให้ความสำคัญกับทรัพย์สินมากกว่าชีวิต ดังนั้น สมาคมประกันชีวิตไทยจึงขอเชิญชวนและย้ำเตือนให้ประชาชนทุกคนตระหนักถึงความสำคัญของการมีประกันชีวิต ทั้งนี้ก่อนตัดสินใจซื้อประกันโปรดศึกษาดูรายละเอียดแบบประกันที่เหมาะสมกับความต้องการและกำลังจ่ายของตนเอง โดยไม่ควรเกิน 10-15% ของรายได้รวมทั้งปี เพื่อให้ประกันชีวิตที่ทำมีผลบังคับใช้อย่างสมบูรณ์จนครบสัญญา