ปตท. สผ. ไตรมาสแรกแกร่งกำไร 1.2 หมื่นล.
ปตท.สผ. เผยผลประกอบการไตรมาส 1 ปีนี้มีกำไรสุทธิ 12,479 ล้านบาท สะท้อนความสำเร็จในการเดินหน้าตามแผนกลยุทธ์ “Expand & Execute” พร้อมสร้างการเติบโตทั้งระยะสั้นและระยะยาว
นายพงศธร ทวีสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท.สผ. กล่าวว่า ในไตรมาส 1 ปี 2562 ปตท.สผ. มีกำไรจากการดำเนินงานปกติ 374 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ เทียบเท่า 11,847 ล้านบาท ปรับสูงขึ้นร้อยละ 23 จากช่วงเดียวกันของปี 2561 ที่ 304 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเทียบเท่า 9,578 ล้านบาทอย่างไรก็ตาม บริษัทมีกำไรจากรายการที่ไม่ใช่การดำเนินงานปกติ ประมาณ 20 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงเมื่อเทียบกับ 119 ล้านเหรียญสหรัฐ ในช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า จากค่าเงินบาทที่แข็งค่าน้อยลง ซึ่งส่วนใหญ่ไม่มีผลกระทบต่อกระแสเงินสด ส่งผลให้ ปตท.สผ. มีกำไรสุทธิในไตรมาส 1 ที่ 394 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเทียบเท่า 12,479 ล้านบาท ลดลงประมาณร้อยละ 7 จาก 423 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเทียบเท่า 13,381 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2561
ทั้งนี้ ในไตรมาส 1 ปี 2562 ปตท.สผ. มีรายได้รวม 1,428 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเทียบเท่า 45,147 ล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 15 เมื่อเทียบกับ 1,240 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเทียบเท่า 39,105 ล้านบาท ในช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยหลักมาจากปริมาณการขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 319,230 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน เมื่อเทียบกับ 293,099 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวันในไตรมาสเดียวกันของปี2561 จากความสำเร็จในการซื้อสัดส่วนเพิ่มเติมในโครงการบงกช ประกอบกับราคาขายผลิตภัณฑ์เฉลี่ยที่เพิ่มขึ้นเป็น 46.21 ดอลลาร์ สรอ. ต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ เมื่อเทียบกับ 44.01 ดอลลาร์ สรอ. ต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบในไตรมาส 1 ปี2561 ส่งผลให้มีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานจำนวน 943 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเทียบเท่า 29,815 ล้านบาท และมีระดับอัตรากำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษีและค่าเสื่อมราคา (EBITDA Margin) ที่ร้อยละ 76
“ปตท.สผ. ได้เดินหน้าดำเนินธุรกิจภายใต้แผนกลยุทธ์ใหม่ “Expand & Execute” ซึ่งเป็นกลยุทธ์เชิงรุกตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา และประสบความสำเร็จตามแผนงานที่วางไว้หลายด้าน ทั้งการเข้าไปลงทุนในตะวันออกกลาง โดยการได้รับสัมปทานแหล่งก๊าซธรรมชาตินอกชายฝั่ง 2 แหล่ง ร่วมกับพันธมิตรที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ ในประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพปิโตรเลียมสูงแห่งหนึ่งของโลก และการขยายการลงทุนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีความเคลื่อนไหวที่สำคัญคือการเข้าซื้อกิจการของ เมอร์ฟี่ ออยล์ คอร์ปอเรชั่น ในประเทศมาเลเซีย ซึ่งจะสามารถเพิ่มปริมาณการขายและสร้างผลตอบแทนการลงทุนได้ทันที รวมถึงการได้รับสิทธิสำรวจและผลิตปิโตรเลียม 2 แปลงนอกชายฝั่งมาเลเซียเช่นกัน ซึ่งการลงทุนดังกล่าวจะช่วยสร้างการเติบโตให้ ปตท.สผ. ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว” นายพงศธร กล่าว
ภายใต้กลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจ “Expand & Execute” นั้น ในส่วนของ Expand ปตท.สผ. จะให้ความสำคัญกับการขยายการลงทุนในพื้นที่ที่มีความชำนาญ โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ส่วนในภูมิภาคตะวันออกกลางซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพปิโตรเลียมสูง จะร่วมมือกับพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญเพื่อขยายการลงทุนต่อไป นอกจากนี้ ปตท.สผ. จะการเร่งพัฒนาธุรกิจด้านปัญญาประดิษฐ์และหุ่นยนต์ ผ่านบริษัท เอไอ แอนด์ โรโบติกส์ เวนเจอร์ส จำกัด (เออาร์วี) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการสำรวจและผลิตปิโตรเลียม เพิ่มความปลอดภัยต่อผู้ปฏิบัติงาน ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และช่วยลดต้นทุนการดำเนินงาน
สำหรับด้าน Execute นั้น จะเน้นการเพิ่มปริมาณการผลิตและการสร้างมูลค่าของโครงการปัจจุบัน รวมถึงการเพิ่มปริมาณสำรองปิโตรเลียมโดยเร่งรัดกิจกรรมในโครงการซึ่งอยู่ในระยะสำรวจ และการตัดสินใจลงทุนขั้นสุดท้ายในโครงการหลักที่อยู่ระหว่างรอการพัฒนา เช่น โครงการโมซัมบิก โรวูมา ออฟชอร์ แอเรีย วัน นอกจากนี้ จะดำเนินการในแหล่งบงกชและเอราวัณในช่วงเปลี่ยนผ่านเพื่อรักษาความต่อเนื่องในการผลิตก๊าซธรรมชาติ และบริหารต้นทุนการดำเนินงานเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน โดยเน้นการใช้เทคโนโลยีต่างๆ เข้ามาช่วย