โลกกังวล “โควิด” ระบาดรอบสอง บวกสหรัฐฯ ตุนน้ำมันดิบไว้เยอะ ฉุดราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มทรงตัว
สนพ. ชี้โลกกังวลการแพร่เชื้อไวรัสโควิด-19 รอบสอง และบวกกับน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ยังมีปริมาณสูง ฉุดราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกมีแนวโน้มทรงตัว ขณะที่ปริมาณการใช้ไบโอดีเซลขยายตัวร้อยละ 6.75
นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เปิดเผยว่า สนพ. คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มทรงตัว แม้การผลิตมีแนวโน้มปรับตัวลง หลังกลุ่มโอเปกพลัสตกลงขยายระยะเวลาลดกำลังการผลิต 9.7 ล้านบาร์เรล/วัน ออกไปเดือน ก.ค. 63 และเพิ่มความเข้มงวดให้สมาชิกในการปรับลดการผลิต อย่างไรก็ตาม มีปัจจัยกดดันจากผู้ผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐฯ จะเพิ่มกำลังการผลิตหลังราคาน้ำมันดิบเริ่มปรับตัวสูงขึ้น รวมทั้งปริมาณน้ำมันดิบในสหรัฐฯ ยังคงอยู่ในระดับสูง สัปดาห์ล่าสุดปรับเพิ่มขึ้น 5.7 ล้านบาร์เรล ประกอบกับองค์การอนามัยโลก ออกมาแถลงเหตุการณ์พบเชื้อไวรัสโควิด-19 ในกรุงปักกิ่งเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า อยู่ในสถานการณ์น่าเป็นห่วง หลังพบผู้ติดเชื้อเกิน 100 ราย การมีผู้ติดเชื้อในสหรัฐฯ ที่พุ่งสูงมากขึ้นในกว่า 20 รัฐ ความกังวลว่าจะทำให้เกิดการระบาดรอบ 2 ส่วนปริมาณการใช้ไบโอดีเซลของไทย ได้เพิ่มขึ้นจากเดือนพ.ค. ร้อยละ 6.75 มาอยู่ที่ 5.52 ล้านลิตรต่อวัน
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกช่วงวันที่ 8 -14 มิ.ย. 63 ที่ตลาดน้ำมันดิบดูไบและเวสต์เท็กซัส เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 40.73 และ 37.87 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่แล้ว 1.46 และ 0.57 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล น้ำมันดิบได้รับแรงสนับสนุนจากตลาดเชื่อมั่นว่าการขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบ 9.7 ล้านบาร์เรล/วัน ออกไปจนถึงสิ้นเดือน ก.ค. 63 จะช่วยชดเชยอุปสงค์น้ำมันที่หายไป ส่งผลให้ตลาดน้ำมันเข้าสู่สมดุลได้เร็วขึ้น
ด้านไนจีเรียมีแผนลดการผลิตน้ำมันดิบลง 40,000 – 45,000 บาร์เรล/วัน ในกลางเดือน ก.ค. 63 ตามข้อตกลงของกลุ่มโอเปกพลัส (โควตาอยู่ที่ระดับ 100,000 บาร์เรล/วัน) ส่วนปริมาณส่งออกน้ำมันดิบของลิเบียปรับลดลงจากการถูกปิดแหล่งผลิตน้ำมันโดยกองกำลังติดอาวุธ หลังจากเพิ่งกลับมาผลิตที่ 300,000บาร์เรล/วัน เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. 63 ซึ่งได้หยุดดำเนินการราว 5 เดือน
ส่วนรัฐบาลสหรัฐฯ ซื้อน้ำมันดิบปริมาณ 126,000 บาร์เรล สำหรับเก็บเข้าคลังสำรองเชิงยุทธศาสตร์ เพื่อช่วยเหลือผู้ผลิตภายในประเทศ สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงาน คาดการณ์กำลังการผลิตน้ำมันดิบ จะปรับตัวลดลงจาก 12.2 ล้านบาร์เรล/วัน ในปี 62 สู่ระดับ 11.6 ล้านบาร์เรล/วัน ในปี 63
สำหรับราคากลางน้ำมันสำเร็จรูปตลาดภูมิภาคเอเชีย ราคาน้ำมันเบนซินออกเทน 95 และ 92 เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 45.07 และ 42.45 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่แล้ว 2.90 และ 3.22 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล โดยความต้องการใช้น้ำมันในจีน มาเลเซีย และอินโดนีเซีย มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น จากการผ่อนคลายมาตรการปิดเมือง มีรายงานปริมาณสำรองเชิงพาณิชย์ในสิงคโปร์ สัปดาห์สิ้นสุด 10 มิ.ย. 63 ลดลง 0.46 ล้านบาร์เรล อยู่ที่ 15.35 ล้านบาร์เรล ต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์ ส่วนรายงานปริมาณสำรองเชิงพาณิชย์ในญี่ปุ่น สิ้นสุด 6 มิ.ย. 63 ลดลง 0.71 ล้านบาร์เรล อยู่ที่ 10.95 ล้านบาร์เรล และรายงานปริมาณสำรองเชิงพาณิชย์ในยุโรป เดือน พ.ค. 63 ลดลง 2.9% อยู่ที่ 118.92 ล้านบาร์เรล
ขณะที่ราคาน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว (10 PPM) เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 46.15 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่แล้ว 2.87 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล โดยอุปสงค์น้ำมันดีเซลในมาเลเซีย พม่า และเวียดนาม ปรับตัวดีขึ้นจากการผ่อนปรนมาตรการปิดเมือง ส่วนอุปทานน้ำมันดีเซลลดลง เนื่องจากโรงกลั่นหลายอยู่ในช่วงลดกำลังการผลิตหรือปิดซ่อมบำรุงประจำปี มีรายงานปริมาณสำรองเชิงพาณิชย์ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ สิ้นสุด 8 มิ.ย. 63 ลดลง 0.98 ล้านบาร์เรล อยู่ที่ 5.01 ล้านบาร์เรล
ทางด้านค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นจากสัปดาห์ที่แล้ว 0.40 บาท/เหรียญสหรัฐฯ อยู่ที่ระดับเฉลี่ย 31.3898 บาท/เหรียญสหรัฐ (ต้นทุนน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 0.47 บาท/ลิตร น้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้น 0.46 บาท/ลิตร) ทำให้ค่าการตลาดของน้ำมันเบนซิน แก๊สโซฮอล และดีเซล เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 2.29 บาท/ลิตร และค่าการกลั่นเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 0.61 บาท/ลิตร
ฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ณ วันที่ 14 มิ.ย. 63 กองทุนน้ำมันฯ มีสินทรัพย์รวม 56,802 ล้านบาท หนี้สินกองทุน 22,438 ล้านบาท ฐานะกองทุนน้ำมันสุทธิ 34,364 ล้านบาท แบ่งเป็นบัญชีน้ำมัน 40,735 ล้านบาท และบัญชี LPG ติดลบ 6,371 ล้านบาท
นายวัฒนพงษ์ กล่าวถึง สถานการณ์ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงชีวภาพว่า ไบโอดีเซล (B100) ระหว่างวันที่ 15-21 มิ.ย. 63 ราคาน้ำมันไบโอดีเซลอ้างอิงเฉลี่ย อยู่ที่ 25.74 บาทต่อลิตร ลดลงจากสัปดาห์ที่แล้ว 0.19 บาทต่อลิตร ส่วนราคาผลปาล์มน้ำมัน ระหว่างวันที่ 8-12 มิ.ย. 63 อยู่ที่ 3.10-3.30 บาทต่อกิโลกรัม โดยราคาน้ำมันปาล์มดิบอยู่ที่ 21.62-21.87 บาทต่อกิโลกรัม ส่วนปริมาณการผลิตไบโอดีเซล ระหว่างวันที่ 1-8 มิ.ย. 63 อยู่ที่ 4.74 ล้านลิตรวัน ลดลงจากเดือน พ.ค. ร้อยละ 5.58 และปริมาณการใช้ไบโอดีเซล อยู่ที่ 5.52 ล้านลิตรต่อวัน เพิ่มขึ้นจากเดือนพ.ค. ร้อยละ 6.75 ความต้องการใช้ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากการผ่อนปรนมาตรการปิดเมือง ส่งผลให้ปริมาณความต้องการใช้น้ำมันปาล์มในภาคพลังงานเพิ่มขึ้น
ด้านสถานการณ์ราคาเอทานอล ราคาอ้างอิงเดือน มิ.ย. 63 อยู่ที่ 23.28 บาทต่อลิตร ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือน พ.ค. จากการผ่อนคลายมาตรการการป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 คาดว่า ส่งผลให้มีการใช้รถยนต์เพิ่มมากขึ้น และจะทำให้การใช้เอทานอลปรับเพิ่มขึ้นตามไปด้วย โดยอยู่ระหว่างการประเมินปริมาณการใช้ของเดือน พ.ค. 63