“มิดเดิลมาร์ช แคปปิตอล”บุกไทยสนลงทุน 3 กลุ่ม
บริษัท มิดเดิลมาร์ช แคปปิตอล และบริษัท มิดเดิลมาร์ช แคปปิตอล เจแปน จำกัด ประกาศกลยุทธ์การลงทุนในประเทศไทย ผ่าน 3 กองทุนใหม่ของบริษัท ได้แก่ Another Sky PE, Skytree Fund และ Shiodome Alpha Fund ซึ่งมีนโยบายลงทุนในธุรกิจกลุ่มนวัตกรรม สตาร์ทอัพ และกรีนเทคโนโลยี
นายอาภากรณ์ สุวรรณศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มิดเดิลมาร์ช แคปปิตอล และบริษัท มิดเดิลมาร์ช แคปปิตอล เจแปน จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันภาพรวมภาวะการลงทุนแม้ว่าในระยะสั้นและกลางจะถูกกดดันจากแนวโน้มการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ความขัดแย้งในมาตรการทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ภาวะถดถอยของเศรษฐกิจยุโรป ปัญหาด้านเศรษฐกิจและการเมืองในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ แต่ในระยะยาว บริษัทมิดเดิลมาร์ช แคปปิตอล มีมุมมองเชิงบวกต่อภาวะการลงทุน โดยเฉพาะยิ่งในทวีปเอเชียและประเทศไทย โดยได้ประเมินอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของเอเชียว่าจะเป็นไปอย่างต่อเนื่องแม้มีอัตราการชะลอตัว รวมถึงอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทยอยู่ที่ 3.9% โดยได้รับอานิสงส์จากอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่คาดว่าจะยังทรงตัวอยู่ในระดับต่ำต่อไป การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการขยายตัวของแนวคิด เทคโนโลยี และนวัตกรรมที่ก่อให้เกิดโอกาสทางธุรกิจ ทั้งนี้ บริษัทได้เล็งเห็นโอกาสที่ดีในการลงทุนในเอเชียและประเทศไทย
บริษัท มิดเดิลมาร์ช แคปปิตอล (Middlemarch Capital LLC) เปิดเผยว่า จากการขยายตัวทางเศรษฐกิจและบทบาทที่มีต่อเศรษฐกิจโลกของเอเชีย รวมถึงเสถียรภาพเศรษฐกิจของไทยในช่วงที่ผ่านมา ถือได้ว่ามีอัตราการเติบโต และสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการลงทุน ประกอบกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงต่อการอยู่รอดและความได้เปรียบด้านการแข่งขันทางธุรกิจ
จึงเป็นเวลาเหมาะสมที่บริษัทจะได้ลงทุนในเอเชียและประเทศไทย โดยบริษัทได้กำหนดกลยุทธ์การลงทุนในประเทศไทย ดังต่อไปนี้
1.การลงทุนในธุรกิจประเภทนวัตกรรมและสตาร์ทอัพ มุ่งลงทุนในระยะกลาง-ยาว เน้นการลงทุนในบริษัทสตาร์ทอัพทั้งประเภทที่มีแนวคิดที่น่าสนใจ มีแนวโน้มความเป็นไปได้และความได้เปรียบทางธุรกิจ และ สตาร์ทอัพที่เริ่มตั้งตัวได้ และต้องการขยายธุรกิจ โดยล่าสุดบริษัทได้ทำเอ็มโอยูร่วมกับบริษัท Satang Technology ผู้สร้างนวัตกรรมธุรกรรมการเงินดิจิทัลชั้นแนวหน้าในประเทศไทย เพื่อลงทุนผ่านกองทุน Another Sky PE กองทุนไพรเวทอิควิตี้ ซึ่งมีนโยบายลงทุนในธุรกิจกลุ่มนวัตกรรมและสตาร์ทอัพในเอเชีย
2.การลงทุนในธุรกิจกลุ่ม Green Technology ทั้งธุรกิจที่เป็นนวัตกรรมและมีโอกาสในการขยายตัวทางธุรกิจ โดยทำการลงทุนตั้งแต่ระดับการทำการวิจัยจนกระทั่งถึงการพัฒนาไปสู่ธุรกิจที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องต่อไป ทั้งนี้ ล่าสุด บริษัทได้ลงนามสัญญาความร่วมมือและลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ของบริษัท Delphi Robotics ผู้ศึกษา ค้นคว้า และพัฒนานวัตกรรมปัญญาประดิษฐ์ ผ่านกองทุน Skytree Fund กองทุนเฮดจ์ฟันด์ที่มีนโยบายการลงทุนในGreen Technology
3.การลงทุนในด้านการสร้างบุคลากร ตลอดจนเทคโนโลยีด้านการลงทุน โดยบริษัทมีโครงการที่จะจัดตั้งหน่วยงาน/บริษัทเพื่อการค้นคว้าและวิจัยเกี่ยวกับกลยุทธ์ตลอดจนเทคโนโลยีด้านการลงทุนขึ้นในประเทศไทย ผ่านความสนับสนุนของกองทุน Shiodome Alpha Fund กองทุนเฮดจ์ฟันด์ซึ่งมีนโยบายลงทุนในตราสารอนุพันธ์และผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่มีความซับซ้อน
นายอาภากรณ์ สุวรรณศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มิดเดิลมาร์ช แคปปิตอล และบริษัท มิดเดิลมาร์ช แคปปิตอล เจแปน จำกัด กล่าวว่า นับตั้งแต่วิกฤติการเงินโลกในปี 2008 เศรษฐกิจเอเชียได้รับผลกระทบไม่มากนัก ตรงกันข้าม กลับได้รับอานิสงส์จากมาตรการการแก้ไขวิกฤติที่ผลักดันให้เงินทุนจำนวนมากมายมหาศาลหลั่งไหลเข้าสู่ภูมิภาคเอเชีย ทำให้เศรษฐกิจเอเชียที่มีฐานรากเดิมเข้มแข็งอยู่แล้วยิ่งได้มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งถึงปัจจุบันและในปีนี้ แม้ว่าจะยังคงมีความกดดันจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ทว่าในภาพรวมเศรษฐกิจเอเชียก็ยังคงมีการขยายตัวต่อไป ดึงดูดเม็ดเงินจำนวนมากให้เคลื่อนย้ายเข้าสู่ละแวกนี้ และสำหรับประเทศไทย ในช่วงต้นปีที่ผ่านมานี้ธุรกิจหลายภาคส่วนเริ่มส่งสัญญาณที่ดีต่อการการลงทุนในระยะยาว ความสนใจของนักลงทุนต่างประเทศมีมากขึ้นภายหลังการเลือกตั้งในเดือนมีนาคม เราจึงเชื่อมั่นว่า การลงทุนในเอเชียและโดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศไทยเป็นกลยุทธ์เหมาะสมกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ตาม แม้จะปฏิเสธไม่ได้ว่า แนวโน้มการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และความกดดันจากปัญหาความขัดแย้งในมาตรการทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน จะเป็นประเด็นสำคัญที่มีผลกระทบต่อบรรยากาศการลงทุน แต่มองว่ายังคงมีทางเลือกและโอกาสด้านการลงทุนเพื่อลดทอนความเสี่ยงในผลกระทบของปัจจัยลบข้างต้น ทำให้ในปี 2019 นี้ บริษัทหันมาเปิดแนวรบด้านการลงทุนในกลุ่มสตาร์ทอัพ กรีนเทคโนโลยี ตลอดจนเทคโนโลยีที่เกี่ยวกับองค์ความรู้และนวัตกรรมด้านการลงทุน
“ห้วงเวลานี้การลงทุนในธุรกิจที่มีการสร้างนวัตกรรมเทคโนโลยี ที่มีความจำเป็นหรือความต้องการในการแก้ปัญหาหรืออำนวยความสะดวกให้กับการดำเนินชีวิต เสริมสร้างคุณภาพและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ประหยัดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพต่อธุรกิจ จะให้ผลตอบแทนต่อการลงทุนที่เหนือกว่าในระยะยาว”
นอกจากนี้ นายอาภากรณ์ กล่าวเสริมว่า สำหรับประเทศไทย ในการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจของประเทศ การมีระบบนิเวศที่เอื้อต่อการลงทุนและการสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันเป็นสิ่งจำเป็น โดยอาศัยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี นวัตกรรม และความคิดสร้างสรรค์ อีกหนึ่งประเด็นที่น่าจะจับมองและพลิกโฉมวงการเงินของประเทศไทยก็คือเทคโนโลยีการเงิน หรือ ฟินเทค และการนำเทคโนโลยี Blockchain มาใช้เพื่อยกระดับประสิทธิภาพและความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจของประเทศ ดังนั้น การเปิดรับ ศึกษาอย่างรอบคอบ สนองตอบ ปรับตัวและคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ เป็นกระบวนการสำคัญที่ก่อให้เกิดระบบนิเวศที่เอื้อต่อการลงทุนและขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ส่งผลให้ประเทศไทยเป็นพื้นที่เป้าหมายที่น่าสนใจในลำดับต้นๆ ของเอเชีย
ด้านนายพันธุ์คม แก้วเหมือน ผู้อำนวยการฝ่ายการลงทุน บริษัท มิดเดิลมาร์ช แคปปิตอล และกรรมการผู้จัดการ บริษท ไวทัล-ซี คอนซัลติ้ง กล่าวว่า แม้ว่าจะมีแรงกดดันจากภาวะเศรษฐกิจโลก แต่เศรษฐกิจเอเชียยังเติบโต มีเงินทุนหลั่งไหลเข้ามามากในปีนี้ และสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ทำให้คนหันมาทำสาตาร์ทอัพนวัตกรรม เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกในการดำเนินชีวิต และให้ผลตอบแทนในระยะยาวด้วย
“ที่น่าจับตาคือ การพลิกโฉมฟินเทค การใช้บล็อกเชน จะตอบโจทย์ความต้องการในยุคนี้ แม้ว่าเมืองไทยจะมีขลุกขลักไปบ้าง แต่เชื่อว่ายังเติบโตต่อไปได้”