ทางออกในการฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย คือ การเสียสละ
ทางออกในการฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย คือ การเสียสละ
นำเสนอโดย ศ.ดร.กิตติ ลิ่มสกุล นักวิชาการอิสระ
“หากท่านนายกยังอยู่ การฟื้นตัวจะเป็นไปไม่ได้ เพราะท่านและทีมขาดฝีมือบริหารเศรษฐกิจ กระทั่งนักลงทุนยังจะย้ายการลงทุนไป เวียดนาม อินโดนีเชีย และ พม่าฯ เป็นที่คาดว่าหากท่านยังอยู่ต่อไป เศรษฐกิจไทยอาจหดตัวอย่างรุนแรง หลังเดือน ตุลาคม 2563 และอาจนำไปสู่การล่มสลายทางเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองจริง ..”
สำหรับสาเหตุแห่งการออกมาของมวลชนน่าจะมาจากการตกต่ำทางเศรษฐกิจ และอนาคตที่มืดมน ข้างหน้า ที่เชื่อว่ามาจากการทำรัฐประหาร โดยคณะทหารในปี 2557 ที่ล้มกระดานการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย โดยรัฐบาลที่มาจากประชาชน
แต่ด้วยความไร้ฝีมือ ของผู้นำคณะทหาร และคณะรัฐมนตรี เศรษฐกิจส่งผลให้เศรษฐกิจ การลงทุน การค้าขายพังทลายลงทีละน้อยๆ ..!!!
ตามคาดการหดตัวของเศรษฐกิจไทยหนักกว่าแนวโน้มเศรษฐกิจภูมิภาค และภาวะเศรษฐกิจโลก และน่าจะมาจากการบริหารเศรษฐกิจที่ผิดพลาด นำโดยนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ (อดีตรองนายกรัฐมนตรี) และ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
เศรษฐกิจหดตัว แม้ไม่มีโควิด-19 ในต้นปี 2563 และจากการปิดประเทศ (Complete Lockdown) ทำให้เศรษฐกิจหยุดนิ่ง และหดตัวรุนแรงอย่างไม่มีทางฟื้นจนกว่า 2563 หากบริหารโดยคณะรัฐมนตรี เศรษฐกิจ ชุดที่ไร้ฝีมือนี้ (หลายๆ ชุด และปัจจุบัน)
หากต้องแก้ไขให้เศรษฐกิจฟื้นช่วง 2563 จำเป็นต้องได้ มืออาชีพ ที่ประชาชน พ่อค้า นักธุรกิจ นักลงทุนต่างประเทศ และโลกเขายอมรับ จึงจะ ไปรอด หากท่านนายกรัฐมนตรีได้ข้อมูลที่ถูกต้อง ตรงไปตรงมาจากคน
คนรอบๆ ทั้งข้าราชการและการเมือง น่าจะคาดเดาได้ว่าในปี 2563 หลังตุลาคม 2563 เศรษฐกิจจะหดตัวรุนแรง ไม่ใช่ฟื้นตัวดังที่เข้าใจ และเสนอโดยรัฐมนตรีของท่าน
แท้จริงในปี 2563 เศรษฐกิจมหภาคจะติดลบ ร้อยละ 10-12 และในปี 2563 จะติดลบร้อยละ 2-4 เศรษฐกิจจะยังไม่เป็นการเจริญเติบโตตามปกติจนกว่าโลกจะมีวัคซีน จึงจะค่อยๆ คลายตัวเข้าสู่ภาวะปรกติในปี 2563 – ได้จริง
ดังนั้น หากท่านนายกฯ ยังอยู่ การฟื้นตัวจะเป็นไปไม่ได้ เพราะท่านและ ทีมขาดฝีมือบริหารเศรษฐกิจ กระทั่งนักลงทุนยังจะย้ายการลงทุนไป เวียดนาม อินโดนีเชีย และพม่าฯ เป็นที่คาดว่า หากท่านยังอยู่ต่อไป เศรษฐกิจไทยอาจหดตัวอย่างรุนแรง หลังเดือน ตุลาคม 2563 และอาจนำไปสู่ การล่มสลายทางเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองจริง
ถามว่า หากเป็นเช่นนั้น ในปี 2563 แล้วหากคณะทหารจะก่อการรัฐประหาร (ผมไม่เชื่อว่าจะทำ แต่เผื่อว่า กล้าเสี่ยงทำ) เศรษฐกิจไทย จะเอาอยู่ใหม ???
ผมขอพยากรณ์ว่า จะเกิดกลียุคด้านเศรษฐกิจ ธุรกิจขนาดเล็ก กลาง บริษัทจะไม่สามารถชำระหนี้ได้ ครัวเรือนล้มละลาย เพราะหนี้มากถึงกว่าร้อยละ 88 ต่อจีดีพี จะมีคนตกงานกว่า 8 ล้านคน ราคาอาหารพุ่งสูงและเกิดข้าวยากหมากแพง
ขณะที่คนไม่มีเงิน คือ เกิดเงินเฟ้อ และเงินฝืดStagflation) พร้อมๆ กัน!!!
สิ่งที่รัฐสภาต้องออกมติร่วมคือ 1. ขอให้นายกรัฐมนตรี เสียสละลาออก และ ให้มีการคัดสรรนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ที่ไม่ใช่พลเอกประยุทธ์ เพราะไม่มีฝีมือบริหาร เศรษฐกิจ และ 2. ตั้งรัฐบาลผสม จากฝ่ายค้าน ร่วมพรรครัฐบาลเดิมบางพรรค หากถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล ให้ทาบทาม คณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ ที่มีคนนอกระบบการเมือง และคนในระบบผสมกัน ในกระทรวงเศรษฐกิจ โดยที่
1.การตั้งรองนายกฯ เพื่อกำกับนโยบายเศรษฐกิจ ต้องเป็นบุคคลที่เป็นที่เชื่อถือ มีความสามารถด้านบริหารเศรษฐกิจ และ การพัฒนา
2.รัฐมนตรีคลัง ให้สรรหามาจากผู้ที่เชี่ยวชาญ เศรษฐกิจมหภาค
3.ให้รัฐบาลมีอำนาจในการแทรกแซง ระบบการเงิน และการคลังร่วม (Fiscal and Monetary Policy Mixed) เป็นการชั่วคราวเพื่อแก้ปัญหา เศรษฐกิจระยะสั้น เฉพาะหน้า จนกว่าจะมีวัคซีน (นโยบาย ที่ต้องปรึกษาหารือ)
4.ยกเลิกหรือ เลื่อนการซื้ออาวุธทั้งสิ้น และดุลข้าราชการให้เกษียณก่อนกำหนดจากอายุ 60 เป็น 55 ปี และ ชดเชยด้วย การออกพันธบัตรระยะยาว ที่คุ้มค่าการเกษียณก่อนอายุเพื่อชดเชยด้วยมูลค่าหุ้นรัฐวิสาหกิจที่ดี. จากการเพิ่มทุน ทั้งนี้ เริ่มจากกระทรวงที่ต้องการปรับโครงสร้างทรัพยากรบุคคลเนื่องจากที่มีคนล้นงาน เช่น กระทรวงกลาโหม กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงมหาดไทย แต่ให้เป็นความสมัครใจตามผลประโยชน์ที่พึงได้
5.จัดตั้งบรรษัทรูปแบบทางบัญชี SPV ดูดซับอสังหาริมทรัพย์ส่วนเกิน ที่เหมาะสมรองรับนโยบายบ้านที่อยู่อาศัย สำหรับผู้สูงอายุที่มีการออม ผู้มีรายได้น้อย
6.การลงทุนในการจัดการทักษะใหม่ และสร้างทักษะสมัยใหม่ (Reskill, Advance Skill, ) และลงทุนสร้างเสริมทรัพยากรมนุษย์ และ การลงทุนพัฒนาสร้างเทคโนโลยีสมัยใหม่ เป็นต้น
ความสำเร็จของการฟื้นเศรษฐกิจไทย มีเงื่อนไขสำคัญคือ
(1) พลเอกประยุทธ์ ต้องยอมเสียสละลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี (necessary condition) และจากความขัดแย้ง เพราะท่านคือ สาเหตุหลัก
(2) มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อกำหนดโครงสร้างอำนาจประชาชน โดยตั้ง สสร. ที่มีส่วนของประชาชนและคนรุ่นใหม่
(3) การปรับระบบอำนาจ ทางการเมือง-สังคมให้สมดุลระหว่าง พลังอำนาจต่างๆให้อยู่ใต้ รัฐธรรมนูญ (sufficient condition)
สรุป เงื่อนไขการแก้ ปัญหาการเมือง ด้านเศรษฐกิจ สังคม ต้องแก้ ไปพร้อมกัน ไม่สามารถแยกจากกันได้ ไม่มีก่อน ไม่มีหลัง หรือไม่มีลำดับ หากแต่ต้องทำพร้อมๆ กัน (simultaneous) จึงจะสำเร็จ แต่ต้องเริ่ม จากการเสียสละ ของพลเอกประยุทธ์ เป็นด่านแรก เพื่อปลดความขัดแย้งที่รุนแรงให้หมดไป!!!