พลังงาน

สนพ. จับตาราคาน้ำมันโลก “โอเปกพลัส” จัดประชุมใหญ่ 30 พ.ย.-1 ธ.ค. นี้

สนพ. จับตาราคาน้ำมันโลก หลังลิเบียปรับเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบอีกภายในสิ้นปีนี้ บวกกับ “โอเปกพลัส” นัดจัดประชุมใหญ่ วันที่ 30 พ.ย.- 1 ธ.ค. นี้ เพื่อเคาะแผนการผลิตน้ำมัน

นายวัฒนพงษ์  คุโรวาท ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เปิดเผยถึงราคาน้ำมันดิบราคาน้ำมันดิบในช่วงระหว่างวันที่ 16-22 พ.ย. 2563 ที่ผ่านมาว่า มีแนวโน้มทรงตัวในกรอบแคบๆ หลังตลาดยังคงกังวลต่อความต้องการใช้น้ำมัน เนื่องจากยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ยังคงปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลให้มีการกลับมาบังคับใช้มาตรการเข้มงวดทางสังคม เช่น ในสหรัฐฯ และยุโรป

นอกจากนี้ ปริมาณน้ำมันดิบมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นหลังลิเบียปรับเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบมาอยู่ที่ระดับ 1.2 ล้านบาร์เรล/วัน ในช่วงกลางเดือน พ.ย. 2563 ประกอบกับนอร์เวย์เตรียมปรับเพิ่มกำลังการผลิตอีก 30,000 บาร์เรล/วัน ภายในสิ้นปีนี้ อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงได้รับแรงหนุนจากข่าวดีเรื่องการพัฒนาการผลิตวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 หลังมี 2 บริษัทออกมารายงานผลการทดสอบวัคซีนว่าประประสิทธิภาพสูงถึงร้อยละ 95 ซึ่งจะช่วยหนุนการฟื้นตัวของอุปสงค์น้ำมัน รวมทั้งการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เริ่มกระบวนการถ่ายโอนอำนาจให้กับนายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ อีกทั้งให้จับตาการเมืองลิเบียที่ยังไม่สงบ และติดตามกลุ่มโอเปกและประเทศพันมิตร (โอเปกพลัส) ซึ่งจัดการประชุมผู้เชี่ยวชาญเพื่อเสนอทางเลือกแผนการผลิตน้ำมันในที่ประชุมใหญ่ระหว่างวันที่ 30 พ.ย.- 1 ธ.ค. 2563

สำหรับสถานการณ์ราคาน้ำมันโลกช่วงระหว่างวันที่ 16-22 พฤศจิกายน 2563 ราคาน้ำมันดิบดูไบและเวสต์เท็กซัส เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 42.84 และ 40.87 ต่อบาร์เรล ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่แล้ว 3.49 และ 2.96 ต่อบาร์เรล

นายวัฒนพงษ์  กล่าวว่า ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อราคาน้ำมันในตลาดโลก ประกอบด้วย กลุ่มโอเปกและประเทศพันมิตร (โอเปกพลัส) มีแนวโน้มขยายเวลาการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบที่ระดับ 7.7 ล้านบาร์เรล/วัน ไปสิ้นสุดในไตรมาส 1 ปี 2564 จากเดิมที่มีกำหนดจะสิ้นสุดในเดือน ธ.ค. 63 นี้ โดยจะจัดการประชุมเพื่อสรุปแผนการปรับลดกำลังการผลิตในวันที่ 30 พ.ย. และ 1 ธ.ค. 2563

ความคืบหน้าในการผลิตวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 หลังบริษัท Pfizer ได้เสนอยื่นเรื่องต่อสำนักงานอาหารและยาสหรัฐฯ (FDA) เมื่อวันที่ 20 พ.ย. 2563 เพื่อขออนุมัติการใช้วัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ของทางบริษัทเป็นกรณีฉุกเฉินแล้ว และบริษัทเบเกอร์ ฮิวจ์ รายงานจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐฯ สัปดาห์ สิ้นสุดวันที่ 20 พ.ย. 2563 ปรับลดลง 5 แท่น สู่ระดับ 231 แท่น

 

ขณะที่ราคากลางน้ำมันสำเร็จรูปตลาดภูมิภาคเอเซีย โดยน้ำมันเบนซิน ราคาน้ำมันเบนซินออกเทน 95 และ 92 เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 46.49 และ 45.34 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ปรับตัวลดลงจากสัปดาห์ที่แล้ว 0.26 และ 0.02 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันเบนซิน 91 (Non-Oxy) เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 46.55 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่แล้ว 0.20 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ตามลำดับ

ส่วนน้ำมันดีเซล ราคาน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว (10 PPM) เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 48.31 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่แล้ว 1.29 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล

ทางด้านค่าเงินบาทได้แข็งค่าขึ้นจากสัปดาห์ที่แล้ว 0.09 บาท/เหรียญสหรัฐฯ มาอยู่ที่ระดับเฉลี่ย 30.4245 บาท/เหรียญสหรัฐฯ (ต้นทุนน้ำมันเบนซินลดลง 0.08 บาท/ลิตร น้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้น 0.22 บาท/ลิตร) ทำให้ค่าการตลาดของน้ำมันเบนซิน น้ำมันแก๊สโซฮอล และน้ำมันดีเซล เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 2.45 บาท/ลิตร (รวมค่าขนส่งน้ำมันทางท่อจากศรีราชา – กรุงเทพฯ 0.15 บาท/ลิตร) และค่าการกลั่น เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 0.47 บาท/ลิตร

ส่วนฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ณ วันที่ 22 พ.ย. 2563 กองทุนน้ำมันฯ มีสินทรัพย์รวม 60,651 ล้านบาท หนี้สินกองทุนฯ 31,608 ล้านบาท ฐานะกองทุนน้ำมันฯ สุทธิ 29,043 ล้านบาท (บัญชีน้ำมัน  37,530  ล้านบาท บัญชี LPG -8,487 ล้านบาท)

Related Articles

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button