ปตท.สผ. เปิดแผนลงทุน 5 ปี ทุ่มเงินกว่า 7.3 แสนล้าน
ปตท.สผ. เปิดแผนการลงทุนปี 2564 และแผนการลงทุน 5 ปี ใช้เงินกว่า 7.3 แสนล้านโดยยังคงรักษากำลังการผลิตจากโครงการหลัก พร้อมเร่งพัฒนาโครงการสำคัญ เพื่อเริ่มการผลิตให้ได้ตามแผนที่วางไว้ รวมถึงกิจกรรมการสำรวจเพื่อการเติบโตในระยะยาว พร้อมแสวงหาโอกาสการลงทุนในธุรกิจใหม่ ตั้งเป้าปริมาณการขายปิโตรเลียมเติบโตเฉลี่ยร้อยละ 6
วันนี้ ( 2 ธ.ค.63) นายพงศธร ทวีสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ปตท.สผ. เปิดเผยว่า ปตท.สผ. ได้จัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2564 ไว้ที่ 4,196 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (เทียบเท่า 132,174 ล้านบาท) โดยแบ่งเป็นรายจ่ายลงทุน (Capital Expenditure หรือ CAPEX) จำนวน 2,588 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (เทียบเท่า 81,522 ล้านบาท) และรายจ่ายดำเนินงาน (Operating Expenditure หรือ OPEX) จำนวน 1,608 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (เทียบเท่า 50,652 ล้านบาท) เพื่อรองรับแผนงานหลัก ดังนี้
1. รักษาปริมาณการผลิตจากโครงการผลิตหลักที่สำคัญ ได้แก่ โครงการเอส 1 โครงการบงกช โครงการอาทิตย์ โครงการในประเทศมาเลเซีย และโครงการซอติก้าในประเทศเมียนมา รวมถึง เตรียมความพร้อมสำหรับการดำเนินการโครงการจี 1/61 (แหล่งเอราวัณ) และโครงการจี 2/61 (แหล่งบงกช) โดยได้จัดสรรรายจ่ายลงทุน จำนวน 1,943 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (เทียบเท่า 61,204 ล้านบาท)
2. เพิ่มปริมาณการผลิตในอนาคต โดยมุ่งเน้นและผลักดันโครงการหลักที่อยู่ในระหว่างการพัฒนา ได้แก่ โครงการโมซัมบิก แอเรีย วัน และโครงการแอลจีเรีย ฮาสสิ เบอร์ ราเคซ ให้สามารถเริ่มการผลิตได้ตามแผน และเร่งการพัฒนาโครงการมาเลเซีย ซาราวัก เอสเค 410 บี ซึ่งประสบความสำเร็จในการเจาะสำรวจเมื่อปลายปีที่แล้ว ให้สามารถเข้าสู่ขั้นตอนของการตัดสินใจลงทุนขั้นสุดท้าย (Final Investment Decision) โดยบริษัทได้จัดสรรรายจ่ายลงทุนในส่วนนี้ เป็นจำนวนเงิน 493 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (เทียบเท่า 15,530 ล้านบาท)
3. เร่งกิจกรรมการสำรวจเพื่อค้นหาทรัพยากร รองรับการเติบโตในระยะยาว โดยได้จัดสรรรายจ่ายลงทุน จำนวน 152 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (เทียบเท่า 4,788 ล้านบาท) ซึ่งส่วนใหญ่เป็นรายจ่ายในการเจาะหลุมสำรวจและประเมินผลสำหรับโครงการสำรวจในประเทศมาเลเซีย และประเทศเม็กซิโก
สำหรับแผนการลงทุน 5 ปี (2564-2568) นั้น บริษัทได้จัดสรรงบประมาณรวม 23,637 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (เทียบเท่า 734,845 ล้านบาท)
จากแผนงานดังกล่าว ปตท.สผ. คาดว่าจะสามารถเพิ่มอัตราการเติบโตของปริมาณการขายโดยเฉลี่ยต่อปีแบบทบต้น (Compound Annual Growth Rate: CAGR) ในช่วง 5 ปี ที่ประมาณร้อยละ 6
“ปี 2564 ยังคงเป็นปีที่ท้าทายสำหรับธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมจากความไม่แน่นอนของสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งมีผลโดยตรงต่อความต้องการใช้พลังงานและราคาน้ำมัน ที่ผ่านมา ปตท.สผ. มีการปรับตัวทั้งในส่วนของโครงสร้างองค์กรและการดำเนินงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลดต้นทุนโดยรวม เพื่อให้บริษัทมีความแข็งแกร่งพร้อมรับกับความผันผวน โดยในปีนี้เราได้ทบทวนแผนการลงทุน 5 ปีภายใต้กลยุทธ์ Execute and Expand ซึ่งจะส่งผลให้เรามีการผลิตที่สามารถตอบสนองความต้องการพลังงานของประเทศและยังเติบโตได้ และด้วยโครงสร้างการเงินที่แข็งแกร่ง ประกอบกับกระแสเงินสดจากการดำเนินงานในแต่ละปี จะสามารถรองรับแผนการลงทุนดังกล่าว รวมทั้ง โอกาสทางธุรกิจที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตแม้ในสถานการณ์ราคาน้ำมันตกต่ำ” นายพงศธร กล่าว
นอกจากนี้ ปตท.สผ. ยังเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับการดำเนินธุรกิจที่เปลี่ยนไป โดยศึกษาโอกาสการลงทุนในธุรกิจใหม่ เช่น โครงการ Gas to Power ในประเทศเมียนมา เพื่อต่อยอดและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับแหล่งก๊าซธรรมชาติที่บริษัทมีการดำเนินการอยู่แล้ว, การขยายธุรกิจของบริษัท เอไอ แอนด์ โรโบติกส์ เวนเจอร์ส จำกัด (เออาร์วี) รวมทั้ง การแสวงหาโอกาสการลงทุนในโครงการพลังงานหมุนเวียนอีกด้วย