การตลาด

เดินหน้าลงทุนเพิ่มในศูนย์การค้าเซ็นทรัล 2 แห่ง มูลค่า 5.6 พันล้าน

กองทรัสต์ CPNREIT เดินหน้าเข้าลงทุนเพิ่มเติมในทรัพย์สินใหม่ 2 โครงการ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล มารีนา และศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา ลำปาง มูลค่ารวมไม่เกิน 5,672 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามมติที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหน่วยทรัสต์ของ CPNREIT ครั้งที่ 1/2562 ชูรายได้สุทธิจากอสังหาริมทรัพย์ของศูนย์การค้าทั้ง 2 โครงการ ในไตรมาส 3 ปี 2563 สูงกว่าไตรมาส 2 ปี 2563 ประมาณ 100% หลังมีมาตรการรับมือการระบาดของโรค COVID-19 และสะท้อนธุรกิจเข้าสู่ช่วงฟื้นตัว อีกทั้งการเข้าลงทุนดังกล่าวจะทำให้กองทรัสต์มีการเติบโตของทรัพย์สินอย่างต่อเนื่อง และมีการกระจายความเสี่ยงของแหล่งที่มาของรายได้จากที่ตั้งของทรัพย์สินที่หลากหลายได้ดีขึ้น ชี้เป็นโอกาสดีที่จะลงทุนในช่วงที่ราคาหน่วยทรัสต์ยังไม่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากนัก และคาดประมาณการอัตราเงินจ่ายผู้ถือหน่วยปีแรกสูงถึงประมาณ 7% (อ้างอิงจากประมาณการงบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จแและงบประกอบรายละเอียดกำไรจากการลงทุนสุทธิของทรัพย์สินตามสมมติฐานสำหรับช่วงระยะเวลาประมาณการตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2564 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564 ซึ่งใช้สมมติฐานราคาหน่วยทรัสต์ CPNREIT ที่ออกและเสนอขายที่ 20 บาท/หน่วย)

นางสาวพิรินี พริ้งศุลกะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีพีเอ็น รีท แมเนจเมนท์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ เปิดเผยว่า ทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ CPN รีเทล โกรท หรือ CPN RETAIL GROWTH LEASEHOLD REIT (CPNREIT) จะเข้าลงทุนเพิ่มเติมในศูนย์การค้าจำนวน 2 โครงการ มูลค่ารวมไม่เกิน 5,672 ล้านบาท (ไม่รวมค่าธรรมเนียมการจดทะเบียน ภาษีมูลค่าเพิ่ม อากรแสตมป์ ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง) จากกลุ่มบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) (CPN) ซึ่งเป็นไปตามมติที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหน่วยทรัสต์ของ CPNREIT ครั้งที่ 1/2562 เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2562 โดยมองว่า จากผลการดำเนินงานในไตรมาส 3 ปี 2563 ได้สะท้อนภาพรวมธุรกิจศูนย์การค้าที่ฟื้นตัวจากไตรมาส 2 ปี 2563 อีกทั้ง ทรัพย์สินที่จะเข้าลงทุนมีศักยภาพในการสร้างกระแสเงินสดมาได้อย่างต่อเนื่อง โดยส่วนใหญ่มีอัตราการเช่าพื้นที่เฉลี่ย 4 ปีย้อนหลัง (ปี 2559 –2562) อยู่ในระดับสูงกว่าร้อยละ 90 และมีการเติบโตของรายได้สุทธิจากอสังหาริมทรัพย์อย่างต่อเนื่อง (ไม่รวมช่วงที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)) นอกจากนี้ ทรัพย์สินเหล่านี้ยังมีจุดเด่นที่สามารถดึงดูดลูกค้าและแข่งขันได้ดีกับทรัพย์สินที่เทียบเคียงอื่นในบริเวณใกล้เคียง

พิรินี พริ้งศุลกะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีพีเอ็น รีท แมเนจเมนท์ จำกัด

การลงทุนเพิ่มเติมดังกล่าว ประกอบด้วย (1) การลงทุนในสิทธิการเช่า / เช่าช่วงอสังหาริมทรัพย์ สิทธิการเช่างานระบบ และกรรมสิทธิ์ในสังหาริมทรัพย์ ในโครงการเซ็นทรัลมารีนา โดยมีกำหนดระยะเวลาการเช่าประมาณ 15 ปี (สิ้นสุดการเช่า 30 เมษายน 2578) รวมพื้นที่ที่จะเข้าลงทุน 45,149 ตารางเมตร ซึ่งประกอบด้วยพื้นที่ให้เช่าประมาณ 14,793 ตารางเมตร โดย ณ วันที่ 30 กันยายน 2563 โครงการเซ็นทรัลมารีนา มีอัตราการเช่าพื้นที่ 97.2% และ (2) การลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์และงานระบบ รวมถึงกรรมสิทธิ์ในสังหาริมทรัพย์ ในโครงการเซ็นทรัลพลาซา ลำปาง เป็นระยะเวลาประมาณ 21 ปี (สิ้นสุดการเช่า 16 ธันวาคม 2584) รวมพื้นที่ที่จะเข้าลงทุน 45,716 ตารางเมตร ซึ่งประกอบด้วยพื้นที่ให้เช่าประมาณ 15,863 ตารางเมตร โดย ณ วันที่ 30 กันยายน 2563 โครงการเซ็นทรัลพลาซา ลำปาง มีอัตราการเช่าพื้นที่ 93.4% โดยภายหลังเข้าลงทุนเพิ่มเติมจะแต่งตั้ง CPN เป็นผู้บริหารอสังหาริมทรัพย์

ขณะที่ทรัพย์สินเดิมของกองทรัสต์ทั้ง 8 โครงการ ประกอบด้วย (1) โครงการเซ็นทรัลพลาซา พระราม 2 (2) โครงการเซ็นทรัลพลาซา พระราม 3 (3) โครงการเซ็นทรัลพลาซา ปิ่นเกล้า (4) โครงการเซ็นทรัลพลาซา เชียงใหม่ แอร์พอร์ต (5) โครงการเซ็นทรัลพลาซา เฟสติวัล พัทยา บีช (6) โรงแรมฮิลตัน พัทยา (7) โครงการอาคารสำนักงานเดอะไนน์ ทาวเวอร์ส และ (8) โครงการอาคารสำนักงานยูนิลีเวอร์ เฮ้าส์ ยังมีอัตราการเช่าพื้นที่เฉลี่ยในระดับที่ดีทุกโครงการ โดย ณ วันที่ 30 กันยายน 2563 มีอัตราการเช่าพื้นที่เฉลี่ยรวมทุกโครงการ 93.9%

ทั้งนี้ ภายหลังกองทรัสต์เข้าลงทุนเพิ่มเติมในโครงการศูนย์การค้าทั้ง 2 โครงการ จะส่งผลดีต่อผู้ถือหน่วยทรัสต์ โดย ประมาณการเงินจ่ายผู้ถือหน่วยในปีแรก ตามประมาณการงบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จและงบประกอบรายละเอียดกำไรจากการลงทุนสุทธิตามสมมติฐาน (ตั้งแต่ 1 มกราคม – 31 ธันวาคม 2564) อยู่ที่ 1.4020 บาทต่อหน่วย นอกจากนี้ภายหลังกองทรัสต์เข้าลงทุนเพิ่มเติมในโครงการศูนย์การค้าทั้ง 2 โครงการเรียบร้อยแล้ว กองทรัสต์มีแผนที่จะลงทุนเพิ่มเติมในโครงการเซ็นทรัลพลาซา สุราษฎร์ธานี และโครงการเซ็นทรัลพลาซา อุบลราชธานี ซึ่งเป็นไปตามมติที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหน่วยทรัสต์ครั้งที่ 1/2562 ต่อไป

“CPN ในฐานะผู้ให้เช่าอสังหาริมทรัพย์และงานระบบ และจะเป็นผู้บริหารอสังหาริมทรัพย์ของทรัพย์สินที่จะเข้าลงทุนเพิ่มเติมทั้ง 2 โครงการ ได้ให้การสนับสนุนกองทรัสต์ โดยปรับลดราคาทรัพย์สินที่ CPNREIT จะเข้าลงทุนเพิ่มเติมครั้งนี้ จากเดิมที่จะเข้าลงทุนที่มูลค่าไม่เกิน 5,866 ล้านบาท ซึ่งเป็นมูลค่าการลงทุนสูงสุดที่ได้รับอนุมัติจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหน่วยทรัสต์ครั้งที่ 1/2562 ปรับลดลงเป็นมูลค่าการลงทุนไม่เกิน 5,672 ล้านบาท และในขณะเดียวกันเพื่อให้เกิดความมั่นใจแก่ผู้ลงทุนมากยิ่งขึ้น CPN จะให้การสนับสนุนโดยตกลงที่จะลดค่าตอบแทนผู้บริหารอสังหาริมทรัพย์ตั้งแต่วันที่ CPNREIT ลงทุนในทรัพย์สินที่จะลงทุนเพิ่มเติม จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564 (ระยะเวลาให้ความช่วยเหลือ) ในกรณีที่กำไรสุทธิก่อนหักค่าตอบแทนของผู้บริหารอสังหาริมทรัพย์ (EBITDA Before Deducting Property Management Fees) ของทรัพย์สินที่จะเข้าลงทุนเพิ่มเติม ที่กองทรัสต์ได้รับตามระยะเวลาให้ความช่วยเหลือนั้น ต่ำกว่าที่ประมาณการกำไรสุทธิก่อนหักค่าตอบแทนผู้บริหารอสังหาริมทรัพย์ซึ่งคิดตามสัดส่วนของระยะเวลาให้ความช่วยเหลือเทียบกับระยะเวลาประมาณการ CPN ยินดีลดค่าตอบแทนที่จะได้รับในฐานะผู้บริหารอสังหาริมทรัพย์ เป็นจำนวนเงินเท่ากับผลลัพธ์ที่คำนวณได้ แต่ไม่เกินจำนวนสูงสุดซึ่งคำนวณจากจำนวนเงิน 40 ล้านบาท คิดตามสัดส่วนระยะเวลาให้ความช่วยเหลือเทียบกับระยะเวลาประมาณการ” นางสาวพิรินี กล่าว

วีณา เลิศนิมิตร ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานวาณิชธนกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)

นางสาววีณา เลิศนิมิตร ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานวาณิชธนกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า ปัจจุบันแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหน่วยทรัสต์ / ร่างหนังสือชี้ชวน อยู่ระหว่างการพิจารณาการมีผลใช้บังคับของสำนักงาน ก.ล.ต. โดยภายหลังได้รับการพิจารณาให้มีผลใช้บังคับแล้ว จะดำเนินการเสนอขายหน่วยทรัสต์เพิ่มเติม โดยจะเสนอขายแก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์เดิมของ CPNREIT และ GLANDRT ที่มีรายชื่อปรากฏในสมุดทะเบียนผู้ถือหน่วยทรัสต์ ณ วันปิดสมุดทะเบียนเพื่อกำหนดรายชื่อผู้ถือหน่วยทรัสต์เดิมที่มีสิทธิจองซื้อหน่วยทรัสต์เพิ่มเติม (Book Close) เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2563 โดยสามารถตรวจสอบสิทธิจองซื้อหน่วยทรัสต์เพิ่มเติมได้ที่ www.cpnreit.com และหากมีหน่วยทรัสต์เพิ่มเติมที่เหลือจากการเสนอขายให้แก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์เดิมของ CPNREIT และ GLANDRT จะนำมาเสนอขายต่อประชาชนทั่วไปต่อไป

ทั้งนี้ ภายหลัง CPNREIT เข้าลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มเติมครั้งนี้ จะยังคงเป็นกองทรัสต์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ทั้งในแง่ของมูลค่าทรัพย์สินและมูลค่าตามราคาตลาดของกองทรัสต์ (Market Capitalization) และช่วยเพิ่มศักยภาพและโอกาสได้รับผลตอบแทนเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ CPNREIT ยังเป็นกองทรัสต์ที่มีความมั่นคง โดยได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจาก TRIS ที่ระดับ AA (เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2563)

มนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด

ด้านนายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า หลังจากเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ที่ส่งผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจในวงกว้าง อย่างไรก็ตาม ตามผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2563 ได้สะท้อนให้เห็นภาพรวมธุรกิจศูนย์การค้าเริ่มเข้าสู่ช่วงฟื้นตัว โดยภายหลังการกลับมาเปิดให้บริการศูนย์การค้าอีกครั้งในช่วงกลางเดือนพฤษภาคม 2563 พบว่าผลการดำเนินงานของทรัพย์สินที่จะเข้าลงทุนเพิ่มเติมทั้ง 2 โครงการในไตรมาส 3 ปี 2563 ฟื้นตัวจากไตรมาส 2 ปี 2563 ค่อนข้างมาก นอกจากนี้ ทรัพย์สินที่จะเข้าลงทุนเพิ่มเติมทั้ง 2 โครงการ จะบริหารโดย CPN ซึ่งเป็นผู้มีประสบการณ์และเชี่ยวชาญในการพัฒนาโครงการศูนย์การค้าในประเทศไทย มานานเกือบ 40 ปี โดยสามารถบริหารอสังหาริมทรัพย์โครงการศูนย์การค้าผ่านวิกฤตการณ์ต่าง ๆ ได้ตลอดมา นอกจากนี้ กองทรัสต์มีนโยบายเข้าลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงสิทธิการเช่าช่วงอสังหาริมทรัพย์คุณภาพสูง ซึ่งจะทำให้ CPNREIT เติบโตได้อย่างต่อเนื่องผ่านการลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มเติม จึงเชื่อมั่นว่าจะเป็นหนึ่งในการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนที่ดีและสม่ำเสมอในระยะยาว

Related Articles

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button