“เฉลิมชัย” วาง ”4 เป้าหมาย 5 ยุทธศาสตร์”ดันจีดีพีภาคเกษตรสูงขึ้น
“เฉลิมชัย” วาง”4 เป้าหมาย 5 ยุทธศาสตร์” ขับเคลื่อนกระทรวงเกษตร เดินหน้าสู่ปีที่ 130 ดัน “จีดีพี” ภาคเกษตรสูงขึ้น หวังเพิ่มรายได้ขจัดความยากจนให้เกษตรกรไทยอย่างยั่งยืน
นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แถลงวันนี้ว่า ในวาระครบรอบ129ปีแห่งการสถาปนากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในวันที่1เมษายนนี้ และกำลังที่จะก้าวเข้าสู่ปีที่130 ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มีความมุ่งมั่นที่จะยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคเกษตรกรรมตลอดห่วงโซ่อุปทานสู่มิติใหม่ภายใต้เป้าหมายใหม่ได้แก่
1) เพิ่มผลิตภัณฑ์มวลรวมหรือจีดีพีในประเทศสาขาเกษตรเฉลี่ย 3.8% ต่อปี 2) เพิ่มผลิตภาพการผลิตของภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 1.2% ต่อปี 3) ลดเกษตรกรที่มีรายได้ต่ำกว่าเส้นความยากจนไม่น้อยกว่า 10% ต่อปี 4) เพิ่มพื้นที่ชลประทานไม่ต่ำกว่าปีละ 350,000 ไร่
ทั้งนี้ ภายใต้วิกฤติโควิด19 ที่ผ่านมายอมรับว่ามีปัญหาอุปสรรคอย่างมากจึงจำเป็นต้องกลยุทธ์และยุทธศาสตร์บริหารการพัฒนาที่ชัดเจนสามารถปฏิบัติได้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯจึงได้วางแนวทางการพัฒนาภาคเกษตรกรรม 5 ยุทธศาสตร์ และ15 แนวทางนโยบายหลักเพื่อเป็นเครื่องมือสำคัญในการบริหารสู่เป้าหมายดังกล่าว ได้แก่
1.ยุทธศาสตร์ตลาดนำการผลิต
2. ยุทธศาสตร์เทคโนโลยีเกษตร 4.0
3. ยุทธศาสตร์ “3’s” (Safety-Security-Sustainability- เกษตรปลอดภัย เกษตรมั่นคงและเกษตรยั่งยืน)
4. ยุทธศาสตร์การบริหารเชิงรุกแบบบูรณาการกับทุกภาคส่วนโดยเฉพาะโมเดล”เกษตร-พาณิชย์ทันสมัย”
5. ยุทธศาสตร์เกษตรกรรมยั่งยืนตามแนวทางศาสตร์พระราชา
นอกจากนี้ ยังมีการกำหนด 15 นโยบายหลักที่เป็นกลไกในการขับเคลื่อนการพัฒนาภาคการเกษตรอย่างเป็นระบบประกอบด้วย
1. นโยบาย “ตลาดนำการผลิต” เพิ่มช่องทางตลาดให้หลากหลายทั้งออฟไลน์และออนไลน์
2. การสร้างความเข้มแข็งให้แก่สถาบันเกษตรกรและเศรษฐกิจฐานราก
3. การส่งเสริมสถาบันเกษตรกร ผู้ประกอบการ และ Start up
4. การส่งเสริมเกษตรพันธสัญญา (Contract Farming)
5. การพัฒนาศูนย์เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรม (AIC)
6. การพัฒนาระบบโลจิสติกส์ด้านการเกษตร
7. การบริหารจัดการน้ําอย่างเป็นระบบ
8. การบริหารจัดการพื้นที่เกษตรกรรม และแปลงใหญ่
9. การส่งเสริมศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.)
10. การประกันภัยพืชผลให้ความคุ้มครองความเสียหายหรือความสูญเสียต่อพืชผล
11. การส่งเสริมเกษตรกรรมยั่งยืน เพื่อเป็นภูมิคุ้มกัน และสร้างความมั่นคงแก่ เกษตรกร
12. การยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน
13. การวิจัยและพัฒนา เพื่อตอบสนองการพัฒนาภาคเกษตรของประเทศไทย บนพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม
14. การพัฒนาฐานข้อมูลสารสนเทศ Big Data โดยศูนย์ข้อมูลเกษตรแห่งชาติ
15. การประกันรายได้ของเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ยางพารา มันสำปะหลัง ปาล์มน้ำมันและข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ซึ่งทั้งหมดในเบื้องต้นเป็นแนวทางพัฒนาและปฏิรูปภาคการเกษตรไทยที่จะสร้างความมั่นคงให้เกษตรและคาดว่าจะสามารถขจัดความยากจนให้เกษตรกรอย่างยั่งยืนต่อไป
อนึ่ง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ก่อตั้งเมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2435 ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในชื่อ กระทรวงเกษตรพานิชการ มี เจ้าพระยาภาสกรวงศ์ (พร บุนนาค) ขณะมีบรรดาศักดิ์ที่ “พระยาภาสกรวงศ์ “เป็นเสนาบดีคนแรกจนถึงปีนี้ครบ129ปีที่กระทรวงเกษตรมีหน้าที่เกี่ยวกับการเกษตรกรรม การจัดหาแหล่งน้ำและพัฒนาระบบชลประทาน ส่งเสริมและพัฒนาเกษตรกร ส่งเสริมและพัฒนาระบบสหกรณ์ รวมตลอดทั้งกระบวนการผลิตและสินค้าเกษตรกรรม และราชการอื่นที่กฎหมายกำหนดให้เป็นอำนาจหน้าที่ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หรือส่วนราชการที่สังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์