TM ปั้นรายได้แบบ Recurring Income ยกระดับสู่ศูนย์กลางทางการแพทย์ที่ให้บริการผู้สูงอายุแบบครบวงจร
บมจ.เทคโนเมดิคัล หรือ TM เดินเกมรุก ปรับโมเดลต่อยอดธุรกิจ สู่ New S-curve แห่งการเติบโตครั้งใหม่ ประกาศทุ่มงบกว่า 450 ล้านบาท พัฒนาโครงการ “THE PARENTS” ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ และโรงพยาบาลเฉพาะทางขนาด 150 เตียง จ่อเปิดให้บริการปลายปี 2566 เร่งเดินหน้าตอกย้ำการเป็นผู้นำการจำหน่ายอุปกรณ์เครื่องมือทางการแพทย์ ที่มุ่งสู่การยกระดับการพัฒนาเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ที่ให้บริการผู้สูงอายุแบบบูรณาการครบวงจร เชื่อปั้นรายได้ประจำเฉลี่ย 100-150 ล้านบาทต่อปี ชูความแข็งแกร่งของรายได้ในรูปแบบ Recurring Income ส่งซิกผุดโปรดักส์ใหม่ “สารสกัดสมุนไพร” เจาะตลาด Q3/64 เชื่อเพิ่มยอดขายเฉลี่ยต่อปีไม่ต่ำกว่า 20-30 ล้านบาท ประกาศตั้งเป้ารายได้ปี64 แตะ 650 – 700 ล้านบาท
นางสุนทรี จรรโลงบุตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เทคโนเมดิคัล จำกัด (มหาชน) หรือ TM ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายเครื่องมือแพทย์และอุปกรณ์ทางการแพทย์ เปิดเผยว่า บริษัทฯเดินหน้าปรับกลยุทธ์โครงสร้างธุรกิจ เพื่อมุ่งเน้นการสร้างมูลค่าเพิ่มในส่วนของรายได้ประจำ (Recurring Income) ให้มีความเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนนอนาคต โดยล่าสุดได้เพิ่มไลน์ธุรกิจสร้างศูนย์ดูแลผู้สูงอายุและโรงพยาบาลเฉพาะทาง ภายใต้โครงการ “THE PARENTS” ซึ่งเป็นการดำเนินการผ่านบริษัทย่อยคือ บริษัท ทีเอ็ม เนิร์สซิ่ง แคร์ จำกัด (TMNC) โดย TM ถือหุ้นสัดส่วน 80% และ 20% เป็นกลุ่มแพทย์และผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลผู้สูงอายุ เบื้องต้นคาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 450 ล้านบาท ในการก่อสร้างอาคาร 2 แห่ง ประกอบด้วยอาคาร Nursing Home และอาคาร Rehabilitation Hospital สามารถรองรับกับผู้ที่เข้ามาใช้บริการได้ทั้งสิ้น 150 เตียง เพื่อรับดูแลผู้สูงอายุทุกภาวะ และโรงพยาบาลเฉพาะทาง เช่น การกายภาพฟื้นฟู, การดูแลผู้สูงอายุ และดูแลผู้ป่วยอัมพฤกษ์อัมพาต
ทั้งนี้ บริษัทฯ คาดว่าศูนย์ดูแลผู้สูงอายุและโรงพยาบาลเฉพาะทาง จะแล้วเสร็จและเปิดดำเนินการในเชิงพาณิชย์ได้ ประมาณช่วงปลายปี 2566 ซึ่งหากแผนขยายธุรกิจดังกล่าวเป็นไปตามเป้าหมาย จะส่งผลให้บริษัทฯทยอยรับรู้รายได้จากธุรกิจนี้เข้ามาเฉลี่ย 100 -150 ล้านต่อปี โดยรายได้ดังกล่าวเข้ามาชัดเจนตั้งแต่ปี 2567 เป็นต้นไป
“ธุรกิจศูนย์ดูแลผู้สูงอายุและโรงพยาบาลเฉพาะทาง จะสามารถส่งเสริมให้เกิดการ Synergy ระหว่างกัน โดยทาง TM จะจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่ใช้ทางการแพทย์ให้กับ TMNC ส่งผลให้รายได้ของ TM จะมีอัตราการเติบโตแบบก้าวกระโดดอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ยังสามารถควบคุมต้นทุนค่าใช้จ่าย ให้กับ TMNC ได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย ซึ่งเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับบริษัทฯในระยะยาว”
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เทคโนเมดิคัล ยังได้กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ (Aging Society) ในปี 2565 เนื่องจากมีจำนวนประชากรคนไทยที่มีอายุมากกว่า 65 ปีเกิน 20% ของประชากรทั้งหมด และหากนับจำนวนผู้สูงอายุทั้งหมดจะพบว่าสัดส่วน 1.5% คิดเป็น 180,000 คนเป็นผู้ป่วยติดเตียง ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยมีสถานที่ที่ได้รับมาตรฐานในการดูแลผู้ป่วยไม่เพียงพอต่อความต้องการ ดังนั้น บริษัทฯจึงเร่งเดินหน้ารุกการจัดตั้งโรงเรียนเพื่อผลิตนักเรียนการบริบาล ขึ้นเอง ซึ่งเป็นศูนย์อบรมบุคลากรเพื่อพัฒนาทักษะให้บริการดูแลผู้สูงอายุที่บ้าน (Home Care) เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มเป้าหมายดังกล่าวที่ยังคงมีความต้องการบุคคลากรดังกล่าวเป็นจำนวนมาก ดังนั้น จากแผนกลยุทธ์ดังกล่าวนอกจากจะตอกย้ำการเป็นผู้นำการจำหน่ายอุปกรณ์เครื่องมือทางการแพทย์แล้ว ยังเป็นกรยกระดับที่มุ่งสู่การพัฒนาเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ที่ให้บริการผู้สูงอายุแบบบูรณาการครบวงจร
พร้อมกันนี้ ในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทฯมีแผนเปิดตัวผลิตภัณฑ์มาจากสารสกัดสมุนไพร จากยอดต้นข้าว ซึ่งเป็นการร่วมมือกับสถาบันวิจัยของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ช่วยบำรุงไตและมีคุณสมบัติช่วยให้พักผ่อนนอนหลับได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยผลิตภัณฑ์ดังกล่าวคาดว่าจะเริ่มจำหน่าย ภายในไตรมาส 3/64 ผ่านช่องทางการจัดจำหน่ายตามร้านค้าออนไลน์และร้านสะดวกซื้อ 7-11 และร้านขายยา ซึ่งเบื้องต้นบริษัทฯตั้งเป้ายอดขายจากผลิตภัณฑ์ดังกล่าวประมาณ 20-30 ล้านบาทต่อปี ประกอบกับความต้องการผลิตภัณฑ์ทางการเเพทย์ป้องกันเชื้อโควิด-19 ยังมีความต้องการต่อเนื่อง ทำให้บริษัทฯประเมินว่าแนวโน้มครึ่งปีหลังจะโดดเด่นเมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก ซึ่งส่งผลให้บริษัทฯประเมินอัตราการเติบโตของรายได้ในปี 2564 นี้ไว้ที่ระดับ 650 -700 ล้านบาท พร้อมทั้งจะรักษาอัตรากำไรสุทธิไม่ต่ำกว่าปี 2563 ที่อยู่ระดับ 6.48%
“ไตรมาส 2/64 มองว่าจะมีแนวโน้มปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงไตรมาสแรกที่มีรายได้รวม 146.38 ล้านบาท ทั้งนี้เป็นผลมาจากการที่บริษัทฯได้ดำเนินการปรับแนวทางบริหารสินค้าใหม่ ด้วยการเพิ่มความถี่คำสั่งซื้อเพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการผลิตภัณฑ์และวัสดุสิ้นเปลืองที่ใช้ทางการแพทย์ภายในประเทศ ประกอบกับความต้องการใช้กลุ่มผลิตภัณฑ์ทางการเเพทย์ป้องกันเชื้อโควิด-19 ยังคงมีความต้องการเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งจากความต้องการดังกล่าวหนุนให้ยอดขายในไตรมาสดังกล่าวอยู่ในทิศทางเชิงบวก”