เชื่อมโยงข้อมูล”ค้างใบสั่ง”กับการต่อทะเบียนรถ 1 ต.ค. นี้
ต่อลมหายใจคน “ค้างใบสั่ง” ถึงวันที่ 1 ตุลาคม 2562 หลังสำนักงานตำรวจแห่งชาติกับกรมการขนส่งทางบกเชื่อมโยงข้อมูลออนไลน์กันเรียบร้อยแล้ว วงในชี้สะดุด “พ.ร.บ.ตัดแต้ม” บังคับใช้วันที่ 19 กันยายน จึงปรับระบบออนไลน์การเชื่อมโยงเดินหน้าไปพร้อมๆ กัน
พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และนางจันทิรา บุรุษพัฒน์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก แถลงถึงคืบหน้าการเชื่อมโยงระบบใบสั่งจราจร (PTM) ตามที่ได้มีทดลองทดสอบการเชื่อมระบบอายัดทะเบียนรถเมื่อมาชำระภาษีรถประจำปี กรณีที่ประชาชนค้างชำระค่าปรับการกระทำความผิดเกี่ยวกฎหมายจราจร เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2562 ที่ผ่านมา โดยกำหนดเชื่อมโยงระบบใบสั่งกับระบบข้อมูลอิเลคทรอนิกส์การต่อภาษีรถของกรมการขนส่งทางบก ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2562 เป็นต้นไป
นางจันทิรา บุรุษพัฒน์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า กรมการขนส่งทางบกได้ให้ความร่วมมือกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติจัดตั้งคณะทำงานร่วมพร้อมประชุมหารือกันอย่างใกล้ชิด โดยพัฒนาระบบในการเชื่อมโยงข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์แบบออนไลน์ เพื่อให้ทั้งสองหน่วยงานเชื่อมโยงข้อมูลและใช้ประโยชน์ในการตรวจสอบกรกระทำความผิดต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ และมีความพร้อมในการให้บริการประชาชน ซึ่งการพัฒนาระบบดังกล่าวร่วมกันเป็นมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยการจราจรทางบก มีวัตถุประสงค์เพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน เน้นให้เคารพกฎจราจร ให้มีวินัยขับขี่ ไม่ต้องการให้มีการฝ่าฝืนกฎหมาย
ทั้งนี้ ระบบดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบกับประชาชนผู้ใช้รถทั่วไป สามารถดำเนินการชำระภาษีรถประจำปีได้ตามปกติ แบ่งลักษณะการดำเนินการเป็นกรณีต่างๆ ดังนี้
กรณีผู้ขับขี่หรือเจ้าของรถที่มิได้กระทำผิดและไม่มีใบสั่งตามกฎหมายจราจรยังคงสามารถชำระภาษีรถประจำปีพร้อมรับเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีประจำปี (ป้ายวงกลม) ได้ที่สำนักงานขนส่งทุกแห่งทั่วประเทศและทุกช่องทางตามปกติเช่นเดิม หรือ ผู้ขับขี่หรือเจ้าของรถคันใดมีใบสั่งแต่ได้ชำระค่าปรับเรียบร้อยแล้วก็สามารถชำระภาษีรถประจำปีพร้อมรับเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีประจำปี (ป้ายวงกลม) ได้ทุกช่องทางตามปกติเช่นกัน
ส่วนกรณีที่มีใบสั่งแต่ยังไม่ได้ชำระค่าปรับเมื่อถึงคราวชำระภาษีรถประจำปีมีความประสงค์จะชำระค่าปรับในคราวเดียวกัน สามารถชำระค่าปรับพร้อมชำระภาษีรถประจำปีได้ในคราวเดียวกันได้ โดยกรมการขนส่งทางบกจะดำเนินการบันทึกข้อมูลการชำระค่าปรับในระบบซึ่งเชื่อมโยงกับระบบใบสั่งจราจร ทำให้มีผลเช่นเดียวกันการชำระค่าปรับกับพนักงานเจ้าหน้าที่ ผู้ขับขี่หรือเจ้าของรถจึงได้รับเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีประจำปี (ป้ายวงกลม) ตามปกติ
ทั้งนี้ หากผู้ขับขี่หรือเจ้าของรถคันที่มีใบสั่งตามกฎหมายจราจร แต่ยังไม่พร้อมชำระค่าปรับในคราวเดียวกัน กรมการขนส่งทางบกก็ยังคงอำนวยความสะดวกให้สามารถชำระภาษีรถประจำปีได้ แต่จะได้รับหลักฐานแสดงการเสียภาษีประจำปีชั่วคราว ซึ่งมีอายุ 30 วันนับแต่วันที่นายทะเบียนออกให้เท่านั้น หากชำระค่าปรับเรียบร้อยแล้วสามารถนำหลักฐานใบเสร็จการชำระค่าปรับมาแสดง เพื่อรับเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีประจำปี (ป้ายวงกลม) ฉบับจริงได้ในภายหลัง อย่างไรก็ตาม กรณีที่ชำระภาษีประจำปีแล้ว แต่ไม่ชำระค่าปรับที่ค้างชำระให้ครบถ้วนภายในระยะเวลาตามที่กำหนด เป็นอำนาจของพนักงานเจ้าหน้าที่ (สตช.) แจ้งนายทะเบียน กรมการขนส่งทางบก ให้งดออกเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีประจำปีสำหรับรถคันนั้น และดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ของพนักงานสอบสวนต่อไป
ผู้สื่อข่าว “สำนักข่าว ไทยมุง” รายงานว่า จากการประชุมหารือร่วมกันระหว่างกรมการขนส่งทางบกกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการพัฒนาระบบเชื่อมโยงข้อมูลแบบออนไลน์เกี่ยวกับการออกใบสั่งกับการต่อภาษีรถต้องเลื่อนการบังคับใช้ออกไปเป็นวันที่ 1 ตุลาคม 2562 เนื่องจากต้องรอความพร้อมระบบก่อน เพื่อรองรับการบังคับใช้กฏหมาย 2 ฉบับเกี่ยวกับจราจรไปพร้อมๆ กัน
โดยก่อนหน้านี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติและกรมการขนส่งทางบก เห็นตรงกันว่าวันที่ 1 กรกฏาคม 2562 จะเริ่มบังคับใช้กฏหมายกรณีเจ้าของรถที่มีใบสั่ง ถ้าไม่ไปจ่ายค่าปรับ กรมขนส่งฯ จะต่อภาษีรถประจำปีได้เป็นการชั่วคราวเท่านั้น แล้วให้เจ้าของรถจะไปจ่ายค่าปรับภายใน 30 วัน ตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 14/2562 เรื่อง มาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการบังคับใช้กฏหมายว่าด้วยการจราจรทางบก ทำให้มีการเชื่อมโยงข้อมูลกันเกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2562 ที่ผ่านมา ได้มี พ.ร.บ. จราจรทางบก ฉบับที่ 12 พ.ศ. 2562 หรือ “พ.ร.บ.ตัดแต้ม” ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา มีใจความสำคัญในมาตรา 31/1 ระบุว่าผู้ขับขี่ที่แสดงใบขับขี่ทางอิเลคทรอนิกส์ หรือสำเนาภาพถ่ายใบขับขี่ ให้ถือว่ามีใบขับขี่ตามกฏหมาย
ดังนั้น เพื่อให้การเชื่อมโยงข้อมูลอิเลคทรอนิกส์ ในการบังคับใช้กฏหมายจราจร 2 ฉบับมีประสิทธิภาพ และมีความพร้อมในการบริการประชาชน โดยพ.ร.บ.ตัดแต้มจะมีผลบังคับใช้วันที่ 19 กันยายน 2562 หลังการประกาศในราชกิจจานุเบกษา 120 วัน ซึ่งใกล้ๆ กับการประกาศบังคับใช้การเชื่อมโยงข้อมูลของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กับกรมขนส่งทางบกเรียบร้อยในวันที่ 1 ตุลาคม 2562
ส่วนกรณีที่กฏหมายระบุว่า การใช้สำเนาภาพถ่ายใบขับขี่แทนใบขับขี่ตัวจริงนั้น หมายถึงใบขับขี่อิเลคทรอนิกส์ที่ใช้สแกน QR Code ผ่านแอปพริเคชั่น DLT Smart Licence เท่านั้น ซึ่งในอนาคตได้เตรียมระบบข้อมูลตัดแต้มใบขับขี่ผ่าน QR Code นี้ด้วย