ส่งสัญญาณ “ตีธง” เดินหน้าโรงไฟฟ้าชุมชน 150 เมกะวัตต์เต็มสูบ แบบไม่ต้องผ่อนคันเร่ง !!
“ตอนนี้ยังไม่มีกำหนดว่าจะเลื่อนโรงไฟฟ้าชุมชนออกไป ยังเดินหน้าตามแผนงาน แม้ช่วงหนึ่งอาจจะมีอุปสรรคที่ไปรษณีย์สาทรไม่สามารถส่งเอกสารจากเอกชนผู้ยื่นอุทธรณ์ได้ เพราะได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด ถ้าเรารวบรวมเอกสารได้ครบก็ไม่มีปัญหา ขอยืนยันเราเดินหน้าตามแผนงานเหมือนเดิม” นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการ สำนักงาน กกพ. กล่าวให้ความมั่นใจว่ายังเดินหน้าโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนตามไทม์ไลน์เหมือนเดิมแน่นอน
จะเห็นว่าท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดอย่างรุนแรงของไวรัสโควิด มียอดผู้ติดเชื้อพุ่งกว่า 2 หมื่นคนต่อวัน ตัวเลขรวมใกล้แตะ 1 ล้านคนเข้าไปทุกที แต่ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการทำงานของสำนักงาน กกพ. แต่อย่างใด
และที่ผ่านมาก็ได้ปรับวิธีชี้แจงกับเอกชนที่ผ่านการพิจารณาด้านเทคนิคโรงไฟฟ้าชุมชนให้สามารถเข้าไปดูแนวทางการพิจารณาด้านราคาจากระบบ “ออนไลน์” ผ่านคลิปวีดีโอตามช่องทางโชเซียลมีเดียต่างๆ ที่ถูกออกแบบไว้แล้ว
ทุกอย่างสามารถเดินหน้าตามปกติ…ไม่น่าห่วงจะมีโรคเลื่อนพิจารณาด้านราคาเกิดขึ้น.. !!
เอาเป็นว่าทั้งภาคเอกชน วิสาหกิจชุมชน และผู้สนใจสามารถเข้าไปดูแนวทางการพิจารณาด้านราคาได้แบบสะดวกโยธิน
ส่วนตัวเลขผู้เข้าชิงชัยด้านราคาคงหายไปหายตาไปพอสมควร จากยอดผู้ยื่นเสนอโรงไฟฟ้าชุมชนอยู่ที่ 246 ราย เบื้องต้นมีผู้ฝ่าด่านอรหันต์ ถูกสแกนเข้มแม้กระทั่งจุดทศนิยมแต่ผ่านเข้ามาได้ 95 ราย ในรายที่ไม่ผ่านด้านเทคนิค 151 ราย ได้เปิดให้ยื่นอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน คาดว่าผลจะออกมาในวันที่ 25 ส.ค.นี้
“ตีธง” เดินหน้าสู่การพิจารณาคำเสนอขอขายไฟฟ้าด้านราคา ในวันที่ 1 ก.ย. และประกาศผลผู้ชนะในวันที่ 2 ก.ย. เพื่อจรดปากกาเซ็นสัญญาซื้อขายไฟฟ้าตามไทม์ไลน์ที่ระบุไว้ภายในวันที่ 31 ธ.ค. 64 นี้
ในสถานการณ์กำลังเข้าโค้งสุดท้ายร้อยเมตร “นักลงทุน” ตัวจริงลุ้นกันตัวโก่งหวังได้รับชัยชนะได้เข้าไปลงทุนโรงไฟฟ้าชุมชน ด้วยความมั่นใจพกคุณสมบัติครบถ้วนมาเต็มกระเป๋าทั้งบุคลากรผู้เชี่ยวชาญ ประสบการณ์ทำงาน และแหล่งเงินทุน พร้อมลงทุนทันทีกับวิสาหกิจชุมชนที่ได้ทำประชาคมกันมาอย่างถูกต้อง…ไม่มีมั่วนิ่ม
แต่อีกใจก็วิตกกับแก๊งค์ไล่ล่าใบอนุญาตซื้อขายไฟฟ้า หรือ PPA เพื่อนำโครงการไปขายต่ออีกทอด แม้กระทรวงพลังงานจะวางเงื่อนไขป้องกันตรงนี้ไว้แล้ว แต่กระนั้นหลายคนก็พูดตรงกันว่า ยังมีช่องทางให้ทำได้ และห่วงถึงขนาดที่ว่าแก๊งค์นี้อาจจะทำให้บางโครงการเดินไปไม่ถึงฝั่งฝัน เพราะร่ำลือกันว่าจะฟันราคายื่นเสนอค่าไฟในราคาต่ำเกินความเป็นจริง ซึ่งนั่นหมายถึงการปิดโอกาส “นักลงทุน” ที่ต้องการจะเข้าไปลงทุนโรงไฟฟ้าชุมชนจริงๆ
แล้ววันนี้ข้อวิตกที่ว่าก็เกิดขึ้นจริงนี้ และดุเดือดรุนแรงมากในเดือนสิงหาคมนี้ เมื่อกลุ่มพ่อค้าล่า PPA หรือที่เรียกกันว่า “นายฮ้อย” ได้ออกอาละอาดหนัก ว่ากันว่าใช้กำลังภายในมาแรงช่วงโค้งสุดท้ายมีโอกาสเข้าวินหลายโครงการ รวมๆ แล้วไม่ต่ำกว่า 20-30 เมกะวัตต์
เป้าหมาย “นายฮ้อย” เล็งไปที่โรงไฟฟ้าชุมชนใช้เชื้อเพลิงประเภทก๊าซชีวภาพ เพราะต้นทุนดำเนินการถูกกว่าประเภทเชื้อเพลิงก๊าซชีวมวล เอาแค่ค่าปลูกไม้ท่อนพันธุ์ประเภทชีวมวล บนพื้นที่ 200 ไร่ ก็ต้องใช้เงินสูงกว่า 8.4 ล้านบาทแล้ว จึงโฟกัสไปที่ก๊าซชีวภาพดูจะง่ายกว่า
ช่วงแรกๆ “นายฮ้อย” ออกเร่ ตั้งราคาขายต่อใบ PPA อยู่ที่เมกะวัตต์ละ 20 ล้านบาท คิดต้นทุนจากการดำเนินการต่างๆ อาทิ ค่าประชาคมชาวบ้าน ดำเนินการเรื่องสายส่ง ที่ดิน ประกันซอง แบบและเทคโนโลยี รวมถึงค่าธรรมเนียมต่างๆ อยู่ราวๆ 14 ล้านบาท กะไว้จะบวกกำไรอยู่ประมาณ 6 ล้านบาท
แต่มาเจอการระบาดของไวรัสโควิดรุนแรงมากขึ้น เศรษฐกิจการเงินไม่ค่อยดี จึงมีผู้มาฟันราคาเหลือเมกะวัตต์ละ 12 ล้านบาทขาดตัว แต่ดูเหมือนจะไม่มีเสียงตอบรับในทางที่ดี ราคานี้จึงมีอันตกไป
ล่าสุดดูจะดุเดือดหนักข้อขึ้นมีการประกาศราคาขายต่อใบ PPA โรงไฟฟ้าชุมชนไว้ที่เมกะวัตต์ละ 22 ล้านบาท แถมพ่วงท้ายด้วยเงื่อนไข “ต้องจ่ายเงินทันที” เข้าไปด้วย
แถมมีเสียงตอบรับกันคึกคักอีกต่างหาก..!!
คงต้องรอดูกระทรวงพลังงานแล้วล่ะว่าจะสกัด “นายฮ้อย” อย่างไร ไม่ให้เข้ามาค้าใบ PPA กันเลยเถิดแบบนี้ เพื่อเปิดโอกาสให้นักลงทุน “ตัวจริง” คนที่แข็งแรง มีประสบการณ์ มีเทคโนโลยี และเครื่องจักรกลพร้อม ได้เข้าไปลงทุนจริงจัง ไม่ทิ้งโครงการ
เหนือสิ่งอื่นใดเป็นการสร้างฝันชาวบ้าน “เกษตรกร” ให้เป็นจริง เพื่อสร้างรายได้ สร้างอาชีพให้เกิดขึ้นในชุมชน จากการลงทุนโรงไฟฟ้าชุมชนให้ครบ 150 เมกะวัตต์ จะมีโรงไฟฟ้าชุมชนเกิดขึ้นใหม่เกือบ 40 แห่ง คาดว่าจะมีเงินลงไปช่วยเหลือชุมชนปีละ 2 พันกว่าล้านบาท เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงโควิดแบบนี้
นี่ต่างหากเป็นคำตอบการแจ้งเกิดโรงไฟฟ้าชุมชน
(ติดตามอ่าน “นายฮ้อย” โรงไฟฟ้าชุมชน ตอนที่ 2 ถอดรหัส “นายฮ้อย” ฟันราคาค่าไฟปูทางเข้าวินโรงไฟฟ้าชุมชน)
