บทความ

DITP จับมือแพลตฟอร์ม eCommerce ยักษ์ใหญ่ของอเมริกา ประกาศความร่วมมือ ดัน SMEs ไทยขายออนไลน์

กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) จับมือ “อเมซอน” ในงานเสวนา Local Sellers, Global Consumers: Capturing Thailand’s e-commerce export opportunity เพื่อประกาศความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยกับ Amazon.com ดันผู้ประกอบการ SMEs ทั้งผู้ผลิต และเจ้าของแบรนด์สินค้าขยายโอกาสส่งออกผ่านช่องทางออนไลน์ข้ามพรมแดนของ Amazon.com

นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ เผยว่า เมื่อเดือนธันวาคม 2563 ที่ผ่านมา รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์) ได้ให้เกียรติเป็นประธานในการกล่าวปาฐกถาพิเศษในงาน Amazon Global Selling Thailand Virtual Seller Conference ภายใต้ธีมงาน “The Future of Made in Thailand” ซึ่งถือได้ว่า เป็นการประกาศความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยกับแพลตฟอร์ม Amazon ในการร่วมสนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs ทั้งผู้ผลิต และเจ้าของแบรนด์ไทย ให้สามารถแสดงศักยภาพและขยายโอกาสในการส่งออกสินค้า “Made in Thailand” เข้าสู่ตลาดสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับแพลตฟอร์ม Amazon.com ถือได้ว่าเป็นแพลตฟอร์มค้าปลีกออนไลน์ระดับโลกที่ใหญ่ที่สุดของประเทศสหรัฐอเมริกาและยังมีเครือข่ายที่สามารถต่อยอดไปยังกลุ่มลูกค้าในอีก 185 ประเทศทั่วโลก

สำหรับงาน Local Sellers, Global Consumers: Capturing Thailand’s e-commerce export opportunity ครั้งนี้ ถือเป็นการต่อยอดความร่วมมือระหว่างกรม กับ Amazon Global Selling Thailand ขึ้นไปอีกก้าวหนึ่ง โดยเป็นการเสวนาเพื่อปลดล็อกอุปสรรคทางการค้าผ่านช่องทางออนไลน์ข้ามพรมแดน รวมไปถึงความร่วมมือในการส่งเสริมผู้ประกอบการ SMEs ไทย และสินค้าไทยเจาะตลาดสหรัฐอเมริกาและตลาดใหม่ๆ ทั่วโลก ซึ่งงานนี้ยังได้รับความร่วมมือจากกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย บริษัท AlphaBeta และผู้ขายจาก Amazon อย่างแบรนด์ Banana Joe และตัวแทนจาก Amazon Seller Ambassador

ทั้งนี้ กรมได้ร่วมมือกับ Amazon Global Selling Thailand ในการผลักดันการส่งออกสู่ตลาดอเมริกาผ่านช่องทางออนไลน์มาอย่างต่อเนื่อง ภายได้โครงการต่างๆ และกิจกรรมที่กำลังจะเกิดขึ้นหลังจากงานเสวนาออนไลน์ในครั้งนี้ ก็คือความร่วมมือระหว่างกรม และ Amazon Global Selling Thailand ในการจัด Webinar ภายใต้หัวข้อ “DITP จับมือ 2 ยักษ์ใหญ่ Amazon และ Google ปลดล็อคเทรนด์ ติดอาวุธแบรนด์ไทยสู่อเมริกา” เพื่อผลักดันผู้ประกอบการไทยในกลุ่มสินค้าอาหาร อัญมณี และของใช้ภายในบ้าน ซึ่งถือเป็นสินค้าที่กำลังได้รับความนิยมในตลาดสหรัฐอเมริกา ให้สามารถเจาะตลาดออนไลน์บนแพลตฟอร์ม Amazon.com ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นในวันอังคารที่ 30 พฤศจิกายน 2564

นางเจมี่ เบรแนน ผู้จัดการใหญ่ประจำประเทศไทย บริษัท Amazon Global Selling Thailand กล่าวว่า “Amazon ช่วยให้ทุกคนที่มีแนวคิดที่ยอดเยี่ยมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ สามารถเริ่มขายสินค้าให้กับผู้บริโภคและธุรกิจต่างๆ ทั่วโลกทางออนไลน์ได้ เราช่วยให้ธุรกิจขนาดเล็กทำในสิ่งที่ธุรกิจขนาดใหญ่ทำ และทีม Amazon Global Selling ในประเทศไทยมุ่งมั่นอย่างสม่ำเสมอในการช่วยให้ผู้ขายสามารถคว้าโอกาสได้ในช่วงเวลาที่ดีที่สุด อีกทั้งยังช่วยชี้ให้เห็นถึงช่องโหว่ที่กำลังเกิดขึ้นในการดำเนินธุรกิจของพวกเขา รวมถึงเตรียมความพร้อมด้วยองค์ความรู้ ทรัพยากร และคอนเนคชันเพื่อขยายธุรกิจของตนออกสู่ทั่วโลกได้อย่างยั่งยืน”

นายฉันทพัทธ์ ปัญจมานนท์ ผู้อำนวยการสำนักตลาดพาณิชย์ดิจิทัล ได้กล่าวว่า สหรัฐอเมริกาเป็นตลาดส่งออกอันดับหนึ่งของประเทศไทย โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2564 มีมูลค่า 30,608 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว ร้อยละ 20.52 คิดเป็นสัดส่วนถึง ร้อยละ14.66 ของมูลค่าการส่งออกรวมของไทย อีกทั้งจากอิทธิพลของการแพร่ระบาดของ COVID-19 ทำให้ผู้บริโภคหันมาเลือกซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสหรัฐอเมริกา พบว่ายอดการสั่งซื้อสินค้าปลีกผ่านช่องทางออนไลน์ในปี 2020 มีการขยายตัวอย่างก้าวกระโดดประมาณร้อยละ 30 – 40 ดังนั้น กรมจึงได้แสวงหาโอกาสในการร่วมมือกับแพลตฟอร์ม Amazon ซึ่งถือเป็นแพลตฟอร์ม eCommerce อันดับหนึ่งในสหรัฐอเมริกา เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการไทยบุกตลาดการค้าออนไลน์แบบข้ามพรมแดน (Cross Border eCommerce) ได้อย่างเข้มแข็ง

นอกจากนี้ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ยังได้เปิดร้านค้าออนไลน์ของกรม ภายใต้ชื่อ “TOPTHAI Store” บนแพลตฟอร์ม Amazon.com โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการบุกเจาะตลาดสู่กลุ่มผู้บริโภคในตลาดสหรัฐอเมริกาให้ดียิ่งขึ้น ด้วยทีมงานมืออาชีพที่เข้ามาช่วยวางแผนการตลาดและกำหนดกลยุทธ์ให้แก่สินค้าแบรนด์ไทย และช่วยขยายการรับรู้แบรนด์สินค้าไทยให้เป็นที่รู้จักในตลาดสหรัฐอเมริกาอย่างกว้างขวางยิ่งขึ้น โดยจะเน้นไปที่ “กลุ่มสินค้าอาหาร” และ “กลุ่มสินค้าสุขภาพและความงาม” ซึ่งถือได้ว่าเป็นกลุ่มสินค้าไทยที่มีศักยภาพสูงในตลาดสหรัฐอเมริกา ซึ่งร้านดังกล่าวได้เริ่มเปิดจำหน่ายสินค้าไทยตั้งแต่เดือนสิงหาคมเมื่อปีที่แล้ว และมีมูลค่าการซื้อขายกว่า 30 ล้านบาท

Related Articles

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button