ธ.ก.ส. จัดตลาดนัดของดีวิถีชุมชน รวบรวมสินค้าเกษตร ผลิตภัณฑ์และของดีจากชุมชน ทั่วประเทศ อาทิ เครื่องหนัง ผลิตภัณฑ์จากไม้สัก อาหารทะเลแปรรูป ผ้าทอพื้นบ้าน เนื้อโคขุน ข้าวหอมมะลิ 100% เพื่อช่วยเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้า สร้างอาชีพ สร้างรายได้แก่เกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และผู้ประกอบการ SMEs เกษตร ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และอุทกภัยมาจำหน่าย วันที่ 1 – 3 ธันวาคม 2564 ณ ธ.ก.ส. สำนักงานใหญ่ กรุงเทพฯ
นายสมเกียรติ กิมาวหา รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ธ.ก.ส. จัด “ตลาดนัดของดีวิถีชุมชน ธ.ก.ส.” ระหว่างวันที่ 1 – 3 ธันวาคม 2564 ณ ธ.ก.ส. สำนักงานใหญ่ กรุงเทพฯ โดยนำผลผลิตทางการเกษตรและผลิตภัณฑ์ชุมชนจากเกษตรกรลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และสถานการณ์อุทกภัย เพื่อให้เกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และผู้ประกอบการ SMEs เกษตร ได้มีสถานที่และช่องทางในการจัดจำหน่ายสินค้า อันเป็นการเพิ่มโอกาสในการสร้างอาชีพ สร้างรายได้ และกระตุ้นให้มีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ โดยในครั้งนี้มีบูธจำหน่ายสินค้าจำนวน 75 บูธ เช่น เครื่องหนัง จากจังหวัดหนองคาย ผลิตภัณฑ์จากไม้สัก จังหวัดสุโขทัย อาหารทะเลแปรรูป จังหวัดระยอง ผ้าทอพื้นบ้าน จังหวัดลำพูน เนื้อโคขุน จังหวัดนครราชสีมา ข้าวหอมมะลิ 100% จังหวัดสุรินทร์ กล้วยฉาบ มัน เผือกฉาบ จังหวัดพิจิตร ผลไม้หลากหลายชนิด จังหวัดปราจีนบุรี ส้มตำไก่ย่างเขาสวนกวาง จังหวัดขอนแก่น โจ๊กปลาแดดเดียวและข้าวเกรียบปลาทู จังหวัดราชบุรี เป็นต้น
ทั้งนี้ เพื่อให้เป็นไปตามแนวทางการป้องกันโรคของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้มีการจัดเตรียมมาตรการรักษาความสะอาดที่รัดกุม มีการจัดที่นั่งและอาคารสถานที่ตามหลักการเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) รวมทั้งการตรวจวัดอุณหภูมิก่อนเข้าใช้ตลาด การล้างมือด้วย เจลแอลกอฮอล์ การสแกน QR Code “ไทยชนะ” ในการลงทะเบียนเข้าออกตลาด การสวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลาทั้งผู้ขายและผู้ซื้อ
“ธ.ก.ส. ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนโดยเฉพาะผู้ที่ได้รับสิทธิ “คนละครึ่ง” ของรัฐบาล มาร่วมชม ชิม ชอป สินค้าคุณภาพดีจากผู้ผลิตสู่ผู้บริโภคโดยตรง ในงานตลาดนัดของดีวิถีชุมชน ธ.ก.ส. วันที่ 1 – 3 ธันวาคม 2564 ณ ธ.ก.ส. สำนักงานใหญ่ กรุงเทพฯ เพื่อสร้างรายได้ สร้างอาชีพ และเป็นกำลังใจให้แก่เกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และผู้ประกอบการ SMEs เกษตร ให้ก้าวผ่านวิกฤตต่าง ๆ โดยสามารถผลิตสินค้าคุณภาพเพื่อกระตุ้นระบบเศรษฐกิจฐานรากของประเทศต่อไป” นายสมเกียรติกล่าว