“ประกันภัยรถยนต์” คุ้มครองครอบคลุมของต้องมี แค่พ.ร.บ.อาจรับไม่ไหว ต้องจ่ายเงินก้อนใหญ่เกินกำลัง
#SOMPO #พรบ. #ประกันภัยรถยนต์
ปัจจุบันการเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว เป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมอันดับต้น ๆ จากคนเดินทาง เนื่องจากมีความสะดวกสบายกว่ารถขนส่งสาธารณะ สามารถไปถึงจุดหมายปลายทางได้รวดเดียวไม่ต้องเสียเวลารอคอย ยิ่งในภาวะการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งต้องเว้นระยะห่างและลดความแออัด เพื่อหยุดเชื้อ หากจำเป็นต้องเดินทางก็มักเลือกใช้รถยนต์ส่วนตัว จนทำให้ “รถยนต์” กลายเป็นสิ่งจำเป็นของหลาย ๆ คน และสิ่งที่ขาดไม่ได้เมื่อมีรถยนต์ก็คือ การทำประกันภัยรถยนต์ โดยแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ
- ประกันภัยรถแบบภาคบังคับ หรือเรียกง่าย ๆ ว่า “ประกันภัย พ.ร.บ.”
คือ การทำประกันภัยตามที่ พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ.2535 กำหนดไว้ให้รถยนต์ทุกคันต้องทำประกันภัย โดยจะได้รับสิทธิความคุ้มครองจากเงินกองกลาง
- ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ ซึ่งผู้เป็นเจ้าของรถยนต์สามารถเลือกซื้อเพิ่มเติมได้ตามความสมัครใจ เพื่อเพิ่มความคุ้มครอง และช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายเมื่อเกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดฝัน โดยเฉพาะกรณีที่ต้องรับผิดชอบความเสียหายที่มีมูลค่าสูง ๆ
เมื่อได้ชื่อว่าเป็น “ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ” จึงมีให้เลือกหลากหลายประเภท ซึ่งมีเงื่อนไขและความคุ้มครองที่แตกต่างกัน เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถเลือกประกันภัยที่เหมาะสมกับประเภทรถและการใช้งานได้ตามความต้องการ ได้แก่
- ประกันรถยนต์ ชั้น 1 คือประกันรถยนต์ที่มีความครอบคลุมมากที่สุดในประเทศไทย ครอบคลุมทั้งยานพาหนะ ชีวิต การบาดเจ็บ ของทั้งผู้ขับ คู่กรณี และบุคคลที่สามที่ได้รับผลกระทบด้วย
- ประกันรถยนต์ชั้น 2 ครอบคลุมความเสียหายกับยานพาหนะทุกคันที่เกี่ยวข้อง รวมถึงเหตุรถหาย และไฟไหม้อีกด้วย
- ประกันรถยนต์ชั้น 3 ครอบคลุมทรัพย์สินและชีวิตของคู่กรณีและบุคคลภายนอก รวมไปถึงค่ารักษาพยาบาลของคนขับ และผู้โดยสารของรถที่เอาประกัน
- ประกันรถยนต์ชั้น 3+ ครอบคลุมเหมือนกับประกันรถยนต์ชั้น 3 แต่มีเพิ่มขึ้นมาคือ การคุ้มครองรถยนต์ของผู้เอาประกันด้วย เฉพาะในกรณีที่มีการชน และมีคู่กรณีเท่านั้น จะไม่คุ้มครองในกรณีความเสียหายต่อตัวรถยนต์ในกรณีที่ไม่มีคู่กรณี
- ประกันรถยนต์ชั้น 2+ จะเหมือนกับประกันรถยนต์ชั้น 3+ แต่เพิ่มความคุ้มครองในกรณีที่รถหาย หรือเหตุไฟไหม้เข้าไปด้วย
แม้รถทุกคันจะต้องมีประกันภัย พ.ร.บ. เพื่อคุ้มครองในเบื้องต้นตามที่กฎหมายกำหนด แต่การมีประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ ที่ให้ความคุ้มครองครอบคลุม จะช่วยให้เบาใจได้มากกว่าหากเกิดอุบัติเหตุใหญ่ที่ไม่คาดคิด เพราะสามารถแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายก้อนโตให้แก่ผู้เป็นเจ้าของรถยนต์ได้ในยามคับขัน ดังนั้น นอกจากความระมัดระวังในการขับขี่อย่างปลอดภัยเพื่อลดอุบัติเหตุบนท้องถนนแล้ว การทำประกันภัยที่เหมาะสมจะเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยสำคัญของผู้ขับขี่