สมาคมประกันวินาศภัยไทย เปิดมุมมองเบื้องลึกปมปัญหาประกันภัยโควิด-19 ใครกันที่ลอยแพประชาชน
#สมาคมประกันวินาศภัยไทย
จากกรณีที่บอร์ดสมาคมประกันวิ
เงื่อนไขการใช้สิทธิ์บอกเลิกกรมธรรม์ ทำให้เป็นสัญญาที่ไม่เป็นธรรมหรือไม่
- เงื่อนไขการใช้สิทธิ์บอกเลิกกรมธรรม์ ถือเป็นเงื่อนไขที่เป็นสากลและปรากฏอยู่ในกรมธรรม์ประกันภัยที่ใช้อยู่ทั่วโลก รวมถึงกรมธรรม์ประกันภัยที่ขายในประเทศไทยกว่า 70 ล้านฉบับ
- ข้อความที่ปรากฏในกรมธรรม์ประกันภัยทุกฉบับที่บริษัทประกันภัยจะออกขายให้กับผู้เอาประกันภัยนั้น จะต้องได้รับความเห็นชอบจากสำนักงาน คปภ. ก่อนที่จะออกขายเสมอ
- กรมธรรม์ประกันภัย COVID-19 ได้รับการอนุมัติจากสำนักงาน คปภ. ก่อนออกขายเช่นกัน และเงื่อนไขการใช้สิทธิ์บอกเลิกกรมธรรม์ประกันภัยของบริษัท ก็เป็นส่วนหนึ่งของข้อความที่ได้รับอนุมัติจากสำนักงาน คปภ. ก่อนออกขายด้วยตั้งแต่ต้น
- การตีความว่าการใช้สิทธิ์บอกเลิกกรมธรรม์ของบริษัทประกันภัย ทำให้เป็นสัญญาที่ไม่เป็นธรรมต่อผู้เอาประกันภัยหรือไม่ จะต้องพิจารณาถึงความสมเหตุสมผลในการใช้สิทธิ์บอกเลิกดังกล่าว ไม่ใช่ตีความว่าการมีเงื่อนไขดังกล่าวถือเป็นสัญญาที่ไม่เป็นธรรม
- หากเป็นสัญญาที่ไม่เป็นธรรมจริง ทำไมสำนักงาน คปภ. จึงอนุมัติให้มีเงื่อนไขดังกล่าวในกรมธรรม์ประกันภัยทุกฉบับที่ขายในประเทศไทย
- การพิจารณาว่าสัญญาใดเป็นสัญญาที่ไม่เป็นธรรมนั้น ไม่ได้อยู่ในอำนาจของสำนักงาน คปภ. หากแต่เป็นอำนาจของศาลในการพิจารณาตัดสิน
การยกเลิกคำสั่งนายทะเบียนที่ 38/2564 จะทำให้ประชาชน 10 ล้านคนถูกลอยแพ จริงหรือไม่
- การยกเลิกคำสั่งนายทะเบียนที่ 38/2564 คือการคืน “สิทธิ์บอกเลิกกรมธรรม์” กลับมาในกรมธรรม์ตามหลั
กการประกอบธุรกิจประกันภัยที่ เป็นสากล - “การมีสิทธิ์บอกเลิก” และ “การใช้สิทธิ์บอกเลิก” ถึงแม้จะเกี่ยวข้องกันแต่ไม่ใช่
เรื่องเดียวกัน และบริษัทประกันภัยไม่สามารถใช้ สิทธิ์บอกเลิกกรมธรรม์ได้ ตามอำเภอใจ - การบอกเลิกกรมธรรม์ประกันภัยลู
กค้าจำนวนมากถือเป็นเรื่องที่มี ความสำคัญและมีความอ่อนไหวสู งมาก ทุกบริษัทจึงจำเป็นต้องพิ จารณาเหตุปัจจัยรอบด้านอย่ างรอบคอบที่สุด - การขอให้ยกเลิกคำสั่งนายทะเบี
ยนที่ 38/2564 ไม่ได้หมายความว่าบริษัทประกั นภัยทุกบริษัทต้องการที่ จะบอกเลิกกรมธรรม์ประกันภั ยและลอยแพประชาชนที่ทำประกันภัย COVID-19 กว่า 10 ล้านคนตามที่ปรากฏเป็นข่าว
- สมาคมประกันวินาศภัยไทยได้
ตรวจสอบแล้วและทราบว่าบริษั ทประกันภัยส่วนใหญ่จะไม่บอกเลิ กกรมธรรม์ประกันภัย COVID-19 ภายหลังการยกเลิกคำสั่งนายทะเบี ยนที่ 38/2564 แต่อย่างใด - การให้ข้อมูลต่อสื่อสาธารณะว่า หากมีการยกเลิกคำสั่งนายทะเบี
ยนที่ 38/2564 แล้ว บริษัทประกันภัยจะใช้เป็นข้ออ้ างในการยกเลิกประกันภั ยแบบเหมาเข่งและผู้เอาประกันภั ยกว่า 10 ล้านคนจะถูกลอยแพแน่นอน จึงไม่เป็นความจริง - การให้ข่าวดังกล่าวได้สร้
างความสับสนและเข้าใจผิดให้กั บประชาชน รวมถึงเป็นการทำลายความเชื่อมั่ นของประชาชนต่อระบบประกันภั ยไทยอย่างรุนแรง
เอเชียประกันภัย และ เดอะ วัน ประกันภัย ต้องปิดกิจการเนื่องจากการไม่
- การไม่ยอมยกเลิกคำสั่งนายทะเบี
ยนที่ 38/2564 คือการที่สำนักงาน คปภ. ไม่อนุญาตให้เอเชียประกันภัย และเดอะ วัน ประกันภัย บอกเลิกกรมกรรม์ประกันภัย COVID-19 - เหตุดังกล่าวส่งผลให้ทั้ง 2 บริษัท มีความรับผิดชอบต่อเคลมที่ไม่
จำกัดจำนวน ทั้งในส่วนของเคลมที่เกิดขึ้ นแล้วและที่จะเกิ ดในอนาคตในจำนวนที่สูงมาก ส่งผลทำให้ผู้ถือหุ้นและผู้ลงทุ นรายใหม่ตัดสินใจไม่เพิ่มทุน - การไม่สามารถดำเนินการเพิ่มทุ
นจนสำเร็จ เป็นเหตุให้ทั้ง 2 บริษัทต้องถูกสำนักงาน คปภ. เพิกถอนใบอนุญาตในที่สุด - ภายหลังจากการเพิกถอนใบอนุญาต สำนักงาน คปภ. เป็นผู้อนุญาตให้กองทุนประกันวิ
นาศภัยบอกเลิกกรมกรรม์ประกันภัย COVID-19 และกรมธรรม์ประกันภัยประเภทอื่ นๆ ทุกฉบับ และคืนเบี้ยประกันภัยเพียงบางส่ วนให้กับลูกค้า โดยไม่มีการเยียวยาผู้เอาประกั นภัยแต่อย่างใด - หากสำนักงาน คปภ. ยินยอมยกเลิกคำสั่งนายทะเบียนที่
38/2564 ตามคำร้องขอของบริษัทประกันภั ยตั้งแต่ต้น ก็จะทำให้ทั้ง 2 บริษัทสามารถเพิ่มทุนและดำเนิ นธุรกิจต่อไปได้ - หากทั้ง 2 บริษัทสามารถที่จะประกอบธุรกิ
จต่อไปได้ ลูกค้าของทั้ง 2 บริษัทที่มีเคลมเกิดขึ้นแล้ว ก็จะได้รับการชดใช้ค่าสิ นไหมทดแทนอย่างครบถ้วน ในขณะที่ลูกค้าที่ยังไม่มีเคลม ก็จะได้รับการชดใช้เบี้ยประกั นภัยคืนเต็มจำนวนหรือได้รั บการเปลี่ยนแปลงกรมธรรม์ประกั นภัย ตามมาตรการเยียวยาประชาชนที่ สมาคมฯ และบริษัทประกันภัยได้เสนอต่ อสำนักงาน คปภ. ตั้งแต่วันที่ 28 ตุลาคม 2564 แต่ไม่ได้รับการตอบรับจากสำนั กงาน คปภ.
ผลกระทบที่เกิดขึ้นกั
การปิดกิจการของทั้ง 2 บริษัท ได้ก่อให้เกิดความเสียหายและส่
- ประชาชนผู้ถือกรมธรรม์ประกันภั
ยของทั้ง 2 บริษัทจำนวนกว่า 4 ล้านกรมธรรม์ ได้รับความเดือดร้อนจากการถู กบอกเลิกกรมธรรม์ประกันภั ยโดยกองทุนประกันวินาศภัย และได้รับเบี้ยประกันภัยคืนเพี ยงบางส่วนตามระยะเวลาความคุ้ มครองที่เหลืออยู่เท่านั้น ซึ่งทำให้ผู้เอาประกันภัยได้รั บคืนเบี้ยประกันภัยน้อยกว่าที่ บริษัทประกันภัยเคยเสนอให้ - ประชาชนผู้เอาประกันภัยมี
ภาระในการหาบริษัทประกันภัยแห่ งใหม่มารองรับความเสี่ ยงของตนเอง ซึ่งสมาคมประกันวินาศภัยไทยได้ ประสานขอความร่วมมือจากบริษั ทประกันภัยให้ช่วยรั บโอนกรมธรรม์ประกันภัยของทั้ง 2 บริษัท เพื่อเป็นการช่วยเหลื อและอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนผู้ เอาประกันภัยที่ได้รับความเดื อดร้อน - ประชาชนหลายหมื่นคนที่มีเคลมกั
บเอเชียประกันภัย จำนวนประมาณ 1,800 ล้านบาทและเดอะ วัน ประกันภัย จำนวนประมาณ 2,800 ล้านบาท ต้องยื่นเรื่องขอรับค่าสิ นไหมทดแทนจากกองทุนประกันวิ นาศภัยพร้อมจัดเตรียมเอกสารหลั กฐานใหม่ทั้งหมด และยังไม่มีความแน่นอนว่าจะได้ รับค่าสินไหมทดแทนเมื่อใด - ประชาชนผู้เอาประกันภัยของทั้ง 2 บริษัทที่มีเคลมเกินกว่า 1 ล้านบาท ไม่สามารถใช้สิทธิ์เรียกร้องเงิ
นจากกองทุนประกันวินาศภัยได้ - พนักงานของทั้ง 2 บริษัทถูกเลิกจ้างและไม่ได้รั
บเงินชดเชยตามกฎหมายแรงงานเกือบ 1,000 คน - โรงพยาบาล อู่ซ่อมรถ ร้านอะไหล่ และคู่สัญญาอื่นๆ ไม่สามารถใช้สิทธิ์ขอรั
บการชำระหนี้จากกองทุนประกันวิ นาศภัยได้เป็นจำนวนมาก - กองทุนประกันวินาศภัยต้องรั
บภาระในการพิจารณาเอกสารต่างๆ จำนวนหลายล้านเรื่อง ซึ่งต้องใช้เวลาในการปฏิบัติ งานเป็นเวลานาน และจะส่งผลให้การชำระหนี้ให้กั บประชาชนต้องล่าช้าออกไปอี กหลายปี - ฐานะการเงินของกองทุนประกันวิ
นาศภัยในปัจจุบันไม่เพียงพอที่ จะชำระหนี้ให้กับเจ้าหนี้ทั้ งหมดได้ ซึ่งตราบจนถึงปัจจุบันก็ยังไม่ สามารถหาแนวทางในการจัดหาเงินทุ นเพื่อมาชำระหนี้ดังกล่าว จะเห็นได้ว่า การปิดกิจการของบริษัท เอเชียประกันภัย จำกัด (มหาชน) และบริษัท เดอะ วัน ประกันภัย จำกัด (มหาชน) เนื่องมาจากการไม่ยกเลิกคำสั่
งนายทะเบียนที่ 38/2564 ทำให้ประชาชนผู้เอาประกันภั ยจำนวนมากได้รั บผลกระทบและความเดือดร้อนมาจนถึ งปัจจุบัน ซึ่งสมาคมประกันวินาศภัยไทยมี ความเห็นว่า เช่นนี้ นับว่าเป็นการลอยแพประชาชนผู้ เอาประกันภัยที่ซื้อประกันภัย COVID-19 และประกันภัยประเภทอื่นๆ อย่างแท้จริง