UAC ลงนาม PPA โรงไฟฟ้าชุมชน “ภูผาม่าน” แล้ว ลั่น COD รายแรกไตรมาส 2 ปีนี้
UAC ยิ้ม ! ได้ฤกษ์จรดปากกาลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้าโครงการโรงไฟฟ้าชุมชน “ภูผาม่าน” กับ PEA แล้ว เผยเป็นโครงการนำร่องที่จ่ายไฟฟ้าเข้าระบบแห่งแรกในไตรมาส 2 และรับรู้รายได้ในไตรมาส 3 “ชัชพล ประสพโชค” ซีอีโอยูเอซี ใจป้ำเตรียมเม็ดเงินอีก 500 ล้าน ยื่นแข่งขันเฟส 2
หลังจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ได้ประกาศผลการคัดเลือกเอกชนเข้าร่วมโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก (โครงการนำร่อง) จำนวน 43 ราย ปริมาณไฟฟ้าเสนอขายรวม 149.50 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นโรงไฟฟ้าชุมชนประเภทชีวมวลจำนวน 16 ราย ปริมาณพลังไฟฟ้าเสนอขายรวม 75.00 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าชุมชนประเภทก๊าซชีวภาพรวม 27 ราย ปริมาณพลังไฟฟ้าเสนอขายรวม 74.50 เมกะวัตต์ โดยบริษัท ยูเอซี โกลบอล จำกัด (มหาชน) ได้รับคัดเลือกให้ดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนภูผาม่าน จำนวน 3 เมกะวัตต์ ภายใต้การบริหารของบริษัท ยูเอซี แอนด์ ทีพีที เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด ด้วยนั้น
ล่าสุดนายชัชพล ประสพโชค ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูเอซี โกลบอล จำกัด (มหาชน) หรือ UAC เปิดเผยกับ “สำนักข่าวไทยมุง” ว่า เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2565 ที่ผ่านมา บริษัท ยูเอซี แอนด์ ทีพีที เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด บริษัทในเครือของยูเอซีฯ ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) โครงการไฟฟ้าชุมชนภูผาม่าน ขนาด 3 เมกะวัตต์ กับการไฟฟ้าส่ว่นภูมิภาค (PEA) แล้ว ซึ่งจะใช้วัตถุดิบเป็นหญ้าเนเปียร์ จำวน 300 ตันต่อวัน ในการผลิตไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพ โดยได้หญ้าเนเปียร์มาจากความร่วมมือระหว่างบริษัท และวิสาหกิจชุมชนภูผาม่านปลูกเพื่อส่งให้กับโรงไฟฟ้าซบนพื้นที่ 2,000 ไร่ ซึ่งจะเป็นการสร้างโอกาสและรายได้ให้กับชุมชน
“ขั้นตอนต่อไปหลังจากลงนาม PPA ทางยูเอซีฯ จะดำเนินการก่อสร้างให้เสร็จสมบูรณ์ ซึ่งตอนนี้มีความคืบหน้า 95% หลังจากนั้นจะทดสอบระบบพิเศษ เพื่อจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบได้ในช่วงไตรมาส 2-3 ปีนี้ ซึ่งโรงไฟฟ้าชุมชนภูผาม่านจะเป็นโรงไฟฟ้าแห่งแรกจากจำนวนนำร่อง 43 โครงการที่สามารถดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ภายในปีนี้ คาดว่าจะรับรู้รายได้ภายในปีไตรมาส 3”
กรณีที่กระทรวงพลังงานเตรียมจะเปิดคัดเลือกโรงไฟฟ้าชุมชนเฟส 2 จำนวน 400 เมกะวัตต์ ภายในปี 65 นี้ นายชัชพล กล่าวว่า ทางยูเอซีฯ สนใจยื่นเสนอโครงการแน่นอน แต่ขอรอดูนโยบายทางกระทรวงพลังงานที่ชัดเจนอีกที ซึ่งเบื้องต้นทราบว่า ทางกรมพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) มีแนวคิดจะเปิดโครงการไฟฟ้าชุมชนเฟส 2 ในปีนี้ และจะใช้วิธีเตรียมพื้นที่มาให้เอกชนเลือกยื่นเสนอได้เลย เพื่อจะได้เป็นไปตามนโยบายว่าต้องการให้โรงไฟฟ้าชุมชนไปอยู่ในพื้นที่ไหนบ้าง ซึ่งตนก็เห็นด้วยกับแนวคิดนี้ถ้าโรงไฟฟ้าชุมชนกระจายไปอยู่ตามพื้นที่ห่างไกล หรือไปตั้งอยู่ในพื้นที่ปลายสายส่งก็จะมีข้อดีช่วยยกระดับรายได้ของชาวบ้าน และช่วยเสริมความมั่นคงด้านพลังงาน สามารถช่วยแก้ปัญหาไฟตก ไฟดับในพื้นที่ห่างไกลได้ ซึ่งทางยูเอซีฯ มีความพร้อมได้เตรียมเงินลงทุนไว้แล้ว
“ถ้ากระทรวงพลังงานเปิดให้แข่งขันยื่นข้อเสนอโรงไฟฟ้าชุมชนเฟส 2 ทางยูเอซีฯ มีความพร้อม 100% เพราะวงเงินการลงทุนอยู่ในสเกลที่ดำเนินการได้ ซึ่งในปี 65 นี้ได้ตั้งงบลงทุนไว้ 500 ล้านบาท ถ้าเป็นการลงทุนโรงไฟฟ้าชุมชนอาจจะได้สัก 2-3 โรง แต่ยูเอซีฯ ก็จะมีโครงการอื่นๆ ที่จะลงทุนรวมด้วย ในปีนี้ภาพรวมจะเห็นว่ายูเอซีฯ เติบโตค่อนข้างเยอะ นอกจากโรงไฟฟ้าชุมชนจะมีการจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบแล้ว ยังจะมีรายได้จากการผู้รับสัมปทานแหล่งปิโตรเลียมบนบก หมายเลข L10 และ L11 ในพื้นที่จังหวัดสุโขทัยด้วย ทำให้มีรายได้จากการขายน้ำมันดิบเข้ามาเสริม ทำให้มีรายได้รวมเติบโตขึ้นด้วย”
นายชัชพล กล่าวถึงความร่วมมือกับวิสาหกิจในชุมชนว่า ในพื้นที่มีการตั้งวิสาหกิจชุมชนภูผาม่านขึ้นมา มีคณะกรรมการบริหารจัดการ ทางยูเอซีฯ ได้เข้าไปสนับสนุนการบริหารจัดการ องค์ความรู้ วิธีการจัดการดูแลการปลูกพืชพลังงาน เครื่องมืออุปกรณ์ที่จำเป็น การเตรียมดิน การปลูก การเตรียมพื้นที่ เครื่องมือตัดหญ้า ให้ความรู้ ทำให้เกษตรกรที่มาจากยูเอซีฯ มีผู้นำที่แข็งแรง มีความพร้อมในการปลูกหญ้าเนเปียร์เพื่อป้อนให้กับโรงไฟฟ้าชุมชนที่ภูผาม่าน ซึ่งตอนนี้ได้ดำเนินการปลูกหญ้าเนเปียร์กันแล้ว ทางยูเอซีฯ จะซื้อมาเป็นวัตถุดิบป้อนโรงไฟฟ้าตามข้อตกลงราคาตันละ 400 บาท อย่างไรก็ตาม ก็ต้องขึ้นอยู่กับปัจจัยตัวแปรอื่นๆ ด้วย อาทิ การวัดเปอร์เซ็นต์ความชื้น และปริมาแป้งและน้ำตาลที่อยู่ในหญ้าเนเปียร์ เป็นต้น รวมถึงราคารับซื้อที่หน้าโรงไฟฟ้ากับพื้นที่เพาะปลูกจะแตกต่างกันด้วย