“บี.กริมฯ” เซ็นสัญญา TUA กับ “พีทีทีฯ” รับนำเข้า LNG ล็อตแรก ม.ค.66 พร้อมเล็งนำเข้าล็อตสองช่วง LNG ขาลงปี 69
บี.กริม แอลเอ็นจี” จรดปากกากับ “พีทีที แอลเอ็นจี” เซ็นสัญญา TUA รองรับนำเข้า LNG ล็อตแรก ม.ค.66 เพื่อป้อนโรงไฟฟ้า 18 แห่งของบริษัท เผยเป็นบริษัทเอกชนที่มีความสามารถพร้อมนำเข้า LNG เป็นรายแรกของประเทศ ฟันธง LNG ขาลงในช่วงปี 69
วันนี้ (15 มีนาคม 2565) บริษัท บี.กริม แอลเอ็นจี จำกัด (B.Grimm LNG Limited) บริษัทย่อยที่ บี.กริม เพาเวอร์ ถือหุ้น 100% ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการจัดหาและค้าส่งก๊าซธรรมชาติ (LNG Shipper) จากคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ร่วมกับบริษัท พีทีที แอลเอ็นจี จำกัด (PTT LNG Limited) จัดพิธีลงนามสัญญาการใช้ความสามารถการให้บริการสถานี (Terminal Use Agreement – TUA) ระหว่าง บริษัท บี.กริม แอลเอ็นจี จำกัด กับ บริษัท พีทีที แอลเอ็นจี จำกัด
โดยดร. ฮาราลด์ ลิงค์ ประธาน บี.กริม และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM เปิดเผยว่า การลงนามสัญญาการใช้ความสามารถการให้บริการสถานี (Terminal Use Agreement – TUA) ระหว่างบริษัท บริษัท บี.กริม แอลเอ็นจี จำกัด กับ บริษัท พีทีที แอลเอ็นจี จำกัด ในครั้งนี้ นับเป็นก้าวสำคัญของการเปิดเสรีก๊าซธรรมชาติของประเทศไทย ที่จะทำให้ผู้จัดหาและค้าส่งก๊าซธรรมชาติ (Shipper) เอกชน ได้เข้ามาใช้บริการการเก็บรักษาและแปรสภาพก๊าซธรรมชาติ ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานหลักที่มีบทบาทสำคัญสำหรับกิจการก๊าซธรรมชาติของประเทศไทย
ภายหลังจากที่ภาครัฐ โดยกระทรวงพลังงานและ กกพ. ได้กำหนดแนวทางส่งเสริมการแข่งขันในกิจการก๊าซธรรมชาติ โดยเปิดให้เอกชนสามารถขอใบอนุญาตเป็น shipper เพื่อนำเข้า LNG ได้ ทั้งนี้ เมื่อนำเข้า LNG เข้ามาแล้ว ต้องมีการนำมาแปรสภาพจากของเหลวเป็นก๊าซที่สถานี LNG Terminal ของ บริษัท พีทีที แอลเอ็นจี จำกัด และส่งเข้าระบบท่อส่งก๊าซฯ ของ PTT เพื่อส่งไปยังลูกค้าปลายทางทั้งโรงไฟฟ้าและอุตสาหกรรมต่างๆ ต่อไป
ดร. ฮาราลด์ ลิงค์ กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัท บี.กริม แอลเอ็นจี จำกัด เป็น shipper 1 ใน 7 ราย ที่ได้ใบอนุญาตจัดหาค้าส่งก๊าซธรรมชาติจาก กกพ. เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2563 โดยบริษัทได้เตรียมความพร้อมทั้งในการเจรจาสัญญาซื้อ LNG กับผู้ขายชั้นนำของโลก ตลอดจนความพร้อมในการขอใช้บริการสถานี PTT LNG Terminal (LMPT-1) แห่งที่ 1 กับ บริษัท พีทีที แอลเอ็นจี จำกัด โดยได้ยื่นจอง LMPT-1 กับ บริษัท พีทีที แอลเอ็นจี จำกัด เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2564 จำนวน 5 แสนตันต่อปี เป็นระยะเวลา 7 ปี (ปี 2566 – 2572) โดยมติ กกพ. เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2564 เห็นชอบให้ บริษัท บี.กริม แอลเอ็นจี จำกัด ได้รับการจัดสรรปริมาณการจองใช้ LMPT-1 ปริมาณ 0.5 ล้านตันต่อปี ตั้งแต่ปี 2566 -2572 เพื่อส่งเสริมการแข่งขันในกิจการก๊าซธรรมชาติระยะที่ 2 ได้อย่างเหมาะสม
“หลังการลงนามในสัญญา TUA ในครั้งนี้ นอกจากเป็นก้าวสำคัญของการเปิดเสรีก๊าซธรรมชาติของประเทศไทยแล้ว จะถือว่า บริษัท บี.กริม แอลเอ็นจี จำกัด เป็นบริษัทเอกชนที่มีความสามารถพร้อมนำเข้า LNG เป็นรายแรกของประเทศ โดยคาดว่าเรือขนส่ง LNG เชิงพาณิชย์เที่ยวแรกจากสัญญาจัดหา LNG ระยะยาวจะสามารถมาส่งมอบที่ LMPT-1 ได้ภายในต้นปี 2566 เพื่อส่งเสริมการแข่งขันเสรีในกิจการก๊าซธรรมชาติระยะที่ 2 ภายในประเทศอย่างแท้จริง” ดร. ฮาราลด์ ลิงค์ กล่าว
ด้านนายนพเดช กรรณสูต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน / รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส – การเงินและบัญชี BGRIM เปิดเผยว่า ทาง บี.กริม แอลเอ็นจี ลงนาม TUA ในครั้งนี้ เพื่อรองรับปริมาณการนำเข้า LNG ตามสัญญา 5 แสนตัน จากทั้งหมดจำนวน 1.25 ล้านตัน ซึ่งได้ทำสัญญาระยะยาวไว้ช่วงที่ราคา LNG ล้นตลาด และมีซัพพลายเออร์เดินทางมาเจรจาขายให้กับทางบริษัท โดยการนำเข้า LNG ครั้งนี้เรือขนส่งจะมาถึงประเทศไทยในช่วงเดือนมกราคม 2566 เพื่อนำมาใช้กับโรงไฟฟ้าของบริษัทจำนวน 18 แห่ง ที่มีการเปิดขายไฟเชิงพาณิชย์อยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม บริษัทกำลังมองหาโอกาสนำเข้า LNG เพิ่มเติม ถ้าหากราคาในตลาดโลกลดลงมาอยู่ในระดับ ต่ำกว่า 10 เหรียญสหรัฐต่อล้านบีทียู ก็จะนำเข้ามาเพิ่มขึ้นเพื่อขายให้กับกลุ่มโรงไฟฟ้าและกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ ซึ่งตอนนี้มีผู้ประกอบการรายเล็กหลายรายที่ต้องการใช้ LNG มาเจรจาขอซื้อจากเรา
“ตามที่เราศึกษา LNG ระยะยาวราคาจะลดลงในช่วงปี 2569 เรามองว่าจะนำเข้าล็อตสองในช่วงดังกล่าว จริงๆ แล้วปริมาณ LNG ในตลาดโลกมีจำนวนมาก แต่ที่มันขาดตลาดเพราะว่าอุปกรณ์ที่ผลิตให้เป็นของเหลวทำไม่ทัน”