“เอเบิ้ล” เดินหน้าลุยตลาดแนวราบ 5 โครงการ มูลค่าเกือบ 2.5 พันล้านบาท ปลายปีจ่อเปิดตัวบ้านเดี่ยว 2 โครงการทำเล “ลำลูกกา-ชัยพฤกษ์”
“เอเบิ้ล” จัดงาน “Sustainability Together” ฉลองความสำเร็จ 10 ปี เดินหน้าลุยตลาดอสังหาฯแนวราบ 5 โครงการรวด มูลค่าเกือบ 2,500 ล้านบาท ได้ฤกษ์ปลายปีจ่อเปิดตัวบ้านเดี่ยว 2 โครงการ “ลำลูกกา-ชัยพฤกษ์” เผยปีนี้กวาดรายได้ไม่ต่ำกว่า 350 ล้านบาท ก่อนจะกระโดดเป็น 800 ล้านบาทในปี 67 ซุ่มกว้านซื้อที่ดินย่านวงแหวนฯ เล็งผุดโครงการใหม่อีก 2-3 แห่ง
บริษัท เอเบิ้ล แอสเสท กรุ๊ป จำกัด ได้จัดงาน Able Asset Supplier Day 2022 “Sustainability Together” เพื่อขอบคุณบริษัทคู่ค้า และร่วมฉลองความสำเร็จในการร่วมมือดำเนินงานของบริษัทในการสร้างสรรค์โครงการที่หลากหลายจนประสบความสำเร็จด้วยดี ณ โรงแรมอัศวิน แกรนด์ คอนเวนชั่น เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2565
นายกษิดิศ มโนภินิเวศ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเบิ้ล แอสเสท กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้เข้ามาทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เป็นเวลา 10 ปีแล้ว เริ่มตั้งแต่ปี 2554 โดยเป็นการร่วมลงทุนกันระหว่างกลุ่มวิศวกร ที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจก่อสร้างมานานกว่า 20 ปี เริ่มต้นการลงทุนในรูปแบบคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ 8 ชั้น อาทิ โครงการเซนทริโอ้ ภูเก็ต, โครงการรีมาร์คเอเบิ้ล ศูนย์วิจัย2 และโครงการลิสต์ รัชโยธิน มูลค่ากว่า 2,300 ล้านบาท
ในปี 2565 บริษัทอยู่ระหว่างดำเนินการเปิดขายโครงการใหม่เป็นบ้านเดี่ยว บ้านแฝด พร้อมๆ กัน 3 โครงการ มูลค่า 1,321 ล้านบาท ได้แก่ โครงการแอสโทเรีย รังสิต คลองสาม, โครงการราชพฤกษ์- รัตนาธิเบศร์ และโครงการอาร์ทีค รามคำแหง ซึ่งทั้ง 3 โครงการเปิดขายใกล้หมดแล้ว คาดว่าจะปิดโครงการได้ประมาณปี 2566-2567
“โครงการแอสโทเรีย รังสิต คลองสาม และโครงการอาร์ทีค รามคำแหง เปิดขายเมื่อต้นปี 64 ส่วนโครงการราชพฤกษ์ เปิดขายปีนี้ คาดว่าปีหน้าจะทยอยปิดโครงการได้ ตอนนี้มียอดขาย 3 โครงการแล้วรวมประมาณ 340 ล้านบาท ส่วนภาพรวมรายได้ของตลาดบ้านเดี่ยวในปี 65 นี้ คาดว่าจะมีรายได้อยู่ที่ 350 ล้านบาท ปี 66 จะเพิ่มเป็น 550 ล้านบาท และปี 67จะมีรายได้เพิ่มมาอีกเป็น 800 ล้านบาท”
นายกษิดิศ กล่าวว่า ในช่วงปลายปีนี้ทางบริษัทฯ เตรียมจะเปิดโครงการใหม่บ้านเดี่ยวอีก 2 โครงการย่านลำลูกกา จ.ปทุมธานี จำนวน 63 ยูนิต และย่านถนนชัยพฤกษ์ จ.นนทบุรี จำนวน 72 ยูนิต มูลค่ารวมกว่า 1,000 ล้านบาท ราคาหลังละ 5-8 ล้านบาท ส่วนตลาดคอนโดมิเนียมคาดว่าจะเห็นความต้องการตลาดชัดเจนในปี 2566 จากภาวะเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวทางบริษัทได้เตรียมแผนกลับมาลงทุนคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ตามที่ถนัด ประมาณ 2-3 โครงการ ราคารวมประมาณ 1,600 ล้านบาท อยู่ในทำเลใกล้แนวรถไฟฟ้าและการเดินทางสะดวกในเขตกรุงเทพและปริมาณฑล ราคาไม่ถึง 2 แสนบาท
“การลงทุนของเอเบิ้ลถ้าคิดตามปริมาณสัดส่วนของบ้านเดี่ยวจะคิดเป็นประมาณ 80% แต่ถ้าคิดตามมูลค่าจะเป็นสัดส่วนของตลาดคอนโดมิเนียมมากสุด เพราะคอนโดฯ โครงการเดียวก็มีมูลค่ามากกว่าบ้านเดี่ยวถึง 2 โครงการ โดยเน้นการออกแบบให้ตรงตามความต้องการของลูกค้า เน้นให้ความสำคัญกับการออกแบบทุกฟังก์ชั่นให้อยู่อาศัยได้จริงผ่านแนวคิด REAL LIVABLE”
ทั้งนี้ จุดขายการสร้างบ้านของเอเบิ้ลมีแนวคิดว่า ต้องสร้างบ้านให้อยู่ได้จริง มีความคุ้มค่า ใส่ใจในทุกรายละเอียด เลือกใช้วัสดุที่ดี มีนวัตกรรม ประหยัดพลังงาน ทำให้บ้านอยู่สุข สบาย มีความปลอดภัย ซึ่งจะทำให้โครงการมีมูลค่าเป็นที่ต้องการของลูกค้า และอยู่ได้อย่างยั่งยืนมากกว่าการทุ่มทำตลาด หรือเจาะตลาดกลุ่มลูกค้าที่เป็นชาวต่างชาติ ซึ่งเดี๋ยวมาเดี๋ยวก็ไป
“ตอนนี้บริษัทฯ มีแลนด์แบงก์พร้อมจะลงทุนทั้งบ้านเดี่ยวและคอนโดมิเนียม รวมถึงอยู่ระหว่างการเจรจาซื้อที่ดินเพื่อดำเนินธุรกิจให้เช่าสำนักงานด้วย และยังเตรียมกว้านซื้อที่ดินทำเลกรุงเทพฯและปริมณฑลตามแนววงแหวนกาญจนาภิเษกเพื่อขยายการลงทุน ตอบโจทย์ความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยของผู้บริโภค จากแนวโน้มได้รับปัจจัยบวกจากสภาพเศรษฐกิจไทยอยู่ในทิศทางฟื้นตัวและกลับไปอยู่ในระดับสูงกว่าช่วงก่อนเกิดโควิดได้ในช่วงปี 66 บริษัทฯ มีแผนเปิดโครงการใหม่ๆ ปีละ 2-3 โครงการ ในระยะ 3 ปีข้างหน้านี้” กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเบิ้ล แอสเสท กรุ๊ป กล่าวทิ้งท้าย