“ดูโฮม”เดินหน้า IPO พร้อมชูกลยุทธ์ทีเด็ด
บริษัท ดูโฮม จำกัด (มหาชน) หรือ “DOHOME” หนึ่งในผู้นำธุรกิจค้าปลีก-ค้าส่ง และให้บริการด้านวัสดุก่อสร้างและอุปกรณ์ตกแต่งบ้านแบบครบวงจร ประกาศแผนเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 465,040,000 หุ้น และอาจมีการจัดสรรหุ้นส่วนเกินจำนวนไม่เกิน 56,160,000 หุ้น เตรียมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ชูจุดแข็งในการให้บริการภายใต้แนวคิด “ครบ ถูก ดี…ที่ดูโฮม” ด้วยสินค้าที่มีคุณภาพ มีความหลากหลายและครบครัน ในราคาที่สามารถแข่งขันได้เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่มเป้าหมาย พร้อมประกาศกลยุทธ์ขยายสาขาขนาดใหญ่รูปแบบใหม่ และสาขาขนาดเล็กภายใต้ชื่อ “DoHome To Go” หวังเพิ่มสัดส่วนรายได้จากสินค้าภายใต้ตราสินค้าของ DOHOME (House Brand) เป็น 20% ของรายได้จากการการขายและค่าบริการภายในปี 2565 เพื่อสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยภายในไตรมาส 3 ปีนี้
นายอดิศักดิ์ ตั้งมิตรประชา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดูโฮม จำกัด (มหาชน) หรือ DOHOME กล่าวว่า “DOHOME ดำเนินธุรกิจค้าปลีก-ค้าส่ง และให้บริการด้านวัสดุก่อสร้างและอุปกรณ์ตกแต่งบ้านแบบครบวงจร (One-stop Home Products Destination) โดยมุ่งเน้นการพัฒนาและนำเสนอสินค้าที่มีคุณภาพ มีความหลากหลายและครบถ้วน ในราคาที่สามารถแข่งขันได้ ภายใต้แนวคิด “ครบ ถูก ดี…ที่ดูโฮม” มาเป็นระยะเวลากว่า 36 ปี ซึ่งเป็นที่ยอมรับของลูกค้าทุกกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งช่วงที่ผ่านมา DOHOME ได้เตรียมความพร้อม ทั้งการเพิ่มทีมผู้บริหารและทีมงานมืออาชีพที่มีประสบการณ์และความชำนาญ การเปิดศูนย์กระจายสินค้า รวมทั้งวางแผนการขยายสาขารูปแบบใหม่ไปยังพื้นที่ที่มีศักยภาพ เพื่อรองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้างและอุปการณ์ตกแต่งบ้าน รวมไปถึงการขยายตัวของสังคมเมืองและการเพิ่มขึ้นของความต้องการซื้อของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย เพื่อสร้างการเติบโตและผลตอบแทนที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องของ DOHOME” ณ วันที่ 31 มีนาคม 2562 DOHOME มีสาขาที่เปิดให้บริการแล้วทั้งหมด 9 สาขา ได้แก่ อุบลราชธานี นครราชสีมา รังสิต ขอนแก่น อุดรธานี พระราม 2 บางบัวทอง เชียงใหม่ และบางนา โดยมีพื้นที่ขายและคลังสินค้าประมาณ 35,000 – 65,000 ตารางเมตรต่อสาขา รวมถึงศูนย์กระจายสินค้าอีก 1 แห่งที่จังหวัดปทุมธานี โดยแบ่งสินค้าที่จำหน่ายออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ กลุ่มวัสดุก่อสร้าง กลุ่มวัสดุซ่อมแซม และกลุ่มวัสดุตกแต่ง รวมรายการสินค้ามากกว่า 135,000 รายการ (SKUs)
นอกจากนี้ DOHOME ยังจำหน่ายสินค้าภายใต้ตราสินค้าของ DOHOME (House Brand) มากกว่า 20,000 รายการ (SKUs) เช่น เครื่องมือช่าง ฮาร์ดแวร์ ประตู-หน้าต่าง กระเบื้อง สุขภัณฑ์ และเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ เป็นต้น ซึ่งเป็นสินค้าที่มีคุณภาพในราคาที่สามารถแข่งขันได้ รวมถึงพัฒนาช่องทางจำหน่ายออนไลน์ ซึ่งสามารถตอบสนองต่อไลฟ์สไตล์ลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป และด้วยจุดเด่นด้านสินค้าที่ครบครันทั้งเชิงกว้างและเชิงลึก ราคาที่สามารถแข่งขันได้และการให้บริการอย่างครบวงจร ซึ่งรวมถึงการบริการจัดส่งสินค้า การบริการบำรุงรักษาซ่อมแซม การบริการประกอบและติดตั้ง การบริการให้คำปรึกษาและดำเนินการออกแบบตกแต่ง และการบริการจัดหาสินค้าพิเศษ DOHOME ตั้งใจจะตอบสนองความต้องการลูกค้าทุกกลุ่ม ทั้งกลุ่มลูกค้ารายย่อย ร้านค้าช่วง ผู้รับเหมาก่อสร้างและงานโครงการ หน่วยงานราชการและรัฐวิสาหกิจ
ด้านนางสลิลทิพ เรืองสุทธิภาพ รองกรรมการผู้จัดการสายงานบัญชี การเงิน และสนับสนุนองค์กร บริษัท ดูโฮม จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “แม้ในปัจจุปัน DOHOME จะมีฐานรายได้ที่แข็งแกร่งจากการให้บริการผ่านสาขาขนาดใหญ่ทั้ง 9 สาขา แต่ DOHOME ไม่เคยหยุดที่จะคิด พัฒนา และสร้างกลยุทธ์เพื่อการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดย DOHOME วางแผนขยายสาขาทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ ผ่านเป้าหมายการเปิดสาขาขนาดใหญ่รูปแบบใหม่ที่มีขนาดพื้นที่เล็กลง โดยมีพื้นที่ขายและคลังสินค้าเฉลี่ยต่อสาขาประมาณ 23,000 ตารางเมตร รวม 7 สาขา ภายในปี 2564 ในหัวเมืองที่สำคัญ โดยยังคงความครบถ้วนของสินค้าไว้ไม่แตกต่างจากสาขาเดิม รวมถึงการพัฒนาโมเดลขยายสาขาขนาดเล็กภายใต้ชื่อ “Dohome To Go” ซึ่งมีพื้นที่เฉลี่ยต่อสาขาประมาณ 300 – 1,000 ตารางเมตร รวม 90 สาขา ภายในปี 2564 โดยมีแผนที่จะเปิดให้บริการในพื้นที่ศูนย์การค้า ซุปเปอร์มาร์เก็ต และไฮเปอร์มาร์เก็ต เพื่อให้สามารถเข้าถึงลูกค้ารายย่อยโดย เฉพาะกลุ่มลูกค้าที่อาศัยอยู่ในเมืองที่ต้องการปรับปรุงซ่อมแซมตกแต่งบ้าน และสามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคยุคปัจจุบันได้ดียิ่งขึ้น รวมทั้งสามารถเพิ่มความคล่องตัวและความรวดเร็วในการขยายสาขาของ DOHOME อย่างต่อเนื่องในอนาคต”
“นอกจากนี้ DOHOME ยังได้วางกลยุทธ์เพิ่มสัดส่วนรายได้จากการขายสินค้า House Brand ซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นโดยเฉลี่ยที่สูงกว่าสินค้าประเภท Non-House Brand ผ่านการคัดเลือกสินค้าให้ตรงกับความต้องการซื้อของลูกค้ากลุ่มเป้าหมายตามแต่ละรูปแบบของสาขาใหม่ โดยมีเป้าหมายสัดส่วนรายได้จากสินค้า House Brand ที่ประมาณ 30% สำหรับสาขาขนาดเล็กหรือ “Dohome To Go” รวมไปถึงการวางกลยุทธ์ในการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน จากการเปิดดำเนินการศูนย์กระจายสินค้า (Distribution Center) ในเดือนมิถุนายนปี 2561 ที่ผ่านมา โดยมีขนาดพื้นที่สำหรับคลังสินค้าจำนวน 41,580 ตารางเมตรในจังหวัดปทุมธานีซึ่งมีความสะดวกต่อการรับ เบิกจ่าย และจัดส่งสินค้าไปยังกลุ่มลูกค้าและสาขาของ DOHOME ทั้งในปัจจุบันและในอนาคต และอยู่ระหว่างการติดตั้งระบบจัดเก็บสินค้าอัตโนมัติ (ASRS) ซึ่งคาดว่าจะช่วยให้ DOHOME มีการบริหารจัดการสินค้าคงคลังที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดจำนวนพนักงานในคลังสินค้า และจะช่วยลดต้นทุนในการจัดเก็บและขนส่งสินค้าได้ในอนาคต” นางสลิลทิพกล่าว
DOHOME มีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งโดยในปี 2561 มีรายได้รวม 18,535.17 ล้านบาท ซึ่งในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา มีสัดส่วนรายได้จากกลุ่มวัสดุก่อสร้างประมาณ 46 – 49% สัดส่วนรายได้จากกลุ่มวัสดุซ่อมแซมประมาณ 35 – 38% และสัดส่วนรายได้จากกลุ่มวัสดุตกแต่งประมาณ 15 – 17% นอกจากนี้ในไตรมาส 1/62DOHOME มีรายได้รวม 4,980.24 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 246.68 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าช่วงไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา ที่มีรายได้รวม 4,940.12 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 185.63 ล้านบาท เนื่องจากมีสัดส่วนการขายสินค้า House Brand เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีอัตรากำไรขั้นต้นที่สูง ขณะที่สัดส่วนรายได้จากการจำหน่ายสินค้า House Brand ในปี 2559–2561 เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีสัดส่วนอยู่ที่ 11.4% 14.3% และ 14.4% ของรายได้จากการขายและค่าบริการตามลำดับ โดยในไตรมาส 1/62 มีสัดส่วนอยู่ที่ 14.5% พร้อมวางเป้าหมายภายในปี 2565 จะเพิ่มสัดส่วนรายได้จากการจำหน่ายสินค้า House Brand เป็น 20% ของรายได้จากการขายและค่าบริการรวม
นายอนุวัฒน์ ร่วมสุข กรรมการผู้จัดการ หัวหน้าฝ่ายตลาดทุน บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน) หนึ่งในที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า“การทำ IPO ครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญในการสนับสนุนการดำเนินธุรกิจและการสร้างการเติบโตของDOHOME ในการก้าวสู่ความเป็นผู้นำธุรกิจค้าส่ง ค้าปลีก และให้บริการวัสดุก่อสร้างและอุปกรณ์ตกแต่งบ้านแบบครบวงจร และถือเป็นโอกาสอันดีของนักลงทุนทุกท่านที่จะมีส่วนร่วมเติบโตอย่างต่อเนื่องไปกับDOHOME ภายใต้การบริหารจัดการของผู้บริหารและทีมงานมืออาชีพที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์กว่า 36 ปี โดยการเสนอขายหุ้นสามัญครั้งนี้ จะมีการจัดสรรหุ้นสามัญจำนวนไม่เกิน 465,040,00 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 25.1 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังเสนอขายหุ้นIPO ครั้งนี้ โดยประกอบไปด้วย การเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ จำนวนไม่เกิน 456,160,00 หุ้น และการเสนอขายหุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดยผู้ถือหุ้นเดิมจำนวนไม่เกิน 8,880,000 หุ้น นอกจากนี้ อาจมีการจัดสรรหุ้นส่วนเกินจำนวนไม่เกิน 56,160,000 หุ้น รวมทั้งสิ้นจำนวนไม่เกิน 521,200,000 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วนไม่เกินร้อยละ 28.1 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังเสนอขายครั้งนี้ (กรณีมีการใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญส่วนเกินทั้งจำนวน)” ทั้งนี้ การจัดสรรหุ้นส่วนเกินมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยรักษาเสถียรภาพของราคาหุ้นที่เสนอขายครั้งแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยภายในระยะเวลา30 วัน นับจากวันที่หุ้นของ DOHOME เข้าจดทะเบียนและซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเป็นวันแรก โดยเป็นการให้สิทธิแก่ผู้จัดหาหุ้นส่วนเกิน (หนึ่งในผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย) สามารถช่วยดำเนินการรักษาเสถียรภาพของราคาหุ้น ในช่วงที่สภาวะตลาดอาจมีความผันผวนซึ่งอาจมีโอกาสทำให้ราคาหุ้นต่ำกว่าราคาเสนอขายได้
นายพงศ์ศักดิ์ พฤกษ์ไพศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวเพิ่มเติมว่า “สำหรับความคืบหน้าการนำ DOHOME เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หลังจากที่ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (Filing) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) เพื่อขอเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) นั้น ปัจจุบันได้รับการอนุญาตให้เสนอขายหุ้น IPO แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก และอยู่ระหว่างการเข้าพบนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายย่อยเพื่อให้ข้อมูลก่อนกำหนดราคาเสนอขายสุดท้าย
ทั้งนี้ DOHOME มีวัตถุประสงค์ในการระดมทุนเพื่อสนับสนุนการลงทุนขยายธุรกิจ พัฒนาระบบไอที ชำระเงินกู้สถาบันการเงินและใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน) ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย โดยบริษัทฯ คาดว่าจะสามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ภายใต้ชื่อย่อ“DOHOME” ในหมวดพาณิชย์ (Commerce) ภายในไตรมาส 3 ของปีนี้