“ศักดิ์สยาม”บี้รับเหมาเร่งคืนผิวจราจรพระราม2 สิ้นเดือน ก.ค.นี้
“ศักดิ์สยาม” ควง “ถาวร” นำคณะผู้บริหารกระทรวงคมนาคมตรวจความคืบหน้าการก่อสร้างขยายถนนพระราม2 หลังได้รับการร้องเรียนก่อปัญหาจราจรติดขัดอย่างหนัก จี้รับเหมาคืนผิวจราจรสิ้นเดือนนี้ ด้านประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทยนำประชาชนยื่นหนังสือร้องทุกข์พร้อมเสนอตั้งคณะกรรมการร่วมขับเคลื่อนโครงการ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ ( 21 กรกฎาคม 2562) เวลา 10.00 น. นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมด้วย นายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคม นายสมัย โชติสกุล รองปลัดกระทรวงคมนาคม นายจิรุตม์ วิศาลจิตร รองปลัดกระทรวงคมนาคม นายวิทยา ยาม่วง ผู้ตรวจราชการและรองโฆษกกระทรวงคมนาคม และนายอานนท์ เหลืองบริบูรณ์ อธิบดีกรมทางหลวง ตรวจความคืบหน้าโครงการปรับปรุงทางหลวงหมายเลย 35 (ถนนพระราม 2) ตอนทางแยกต่างระดับบางขุนเทียน – เอกชัย ตอน 3 พร้อมประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัด บรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนผู้ใช้ถนนพระราม 2
โดยได้รับรายงานว่า ขณะนี้กรมทางหลวงได้มีโครงการปรับปรุงทางหลวงหมายเลข 35 ตอน ทางแยกต่างระดับ บางขุนเทียน – เอกชัย ระยะทางประมาณ 11.7 กิโลเมตร เป็นการก่อสร้างขยายช่องทางขนานจาก 2 ช่องจราจร เป็น 3 ช่องจราจร และในช่องทางหลัก จาก 3 ช่องจราจร เป็น 4 ช่องจราจร พร้อมยกระดับสูงขึ้นประมาณ 0.40 – 0.70 เมตร และก่อสร้างสะพานกลับรถเพิ่มอีก 2 แห่ง ที่ กม. 12+000.000 (แสมดำ) และ กม. 16+000.000 (ก่อนถึงซอยพันท้ายนรสิงห์) ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้างขยายคันทางในช่องทางขนาน
ทั้งนี้ เส้นทางดังกล่าวมีปริมาณการจราจรหนาแน่นทำให้ประชาชนผู้ใช้เส้นทางได้รับความเดือดร้อน โดยพบว่าปัจจุบันบริเวณที่เกิดการจราจรติดขัดมี 3 จุด คือ บริเวณ กม. 13+500 ที่มีการก่อสร้างล่าช้า เนื่องจากระบบสาธารณูปโภค เช่น ท่อประปา ไฟฟ้า ติดขีดการก่อสร้าง บริเวณซอยพันท้ายนรสิงห์ ทั้งฝั่งขาออกและขาเข้า ซึ่งกรมทางหลวงได้ให้ผู้รับเหมาเร่งรัดการก่อสร้างบริเวณดังกล่าวพร้อมคืนผิวจราจรให้แล้วเสร็จภายในสิ้นเดือนนี้
โดยได้ทำความเข้าใจประชาชนที่มาร้องเรียนว่าสาเหตุที่บางจุดเปิดพื้นที่ก่อสร้างแล้วแต่ยังไม่มีเครื่องจักรไปทำงานนั้น เพราะพื้นที่พระราม 2 เป็นพื้นที่ดินอ่อน จึงจำเป็นต้องใช้ทรายถมเพื่อให้เเข็งเเรง ซึ่งต้องใช้เวลาในการถมให้ทรายเซ็ตตัวประมาณ 180 วันเมื่อโครงการฯ ก่อสร้างแล้วเสร็จจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับปริมาณการจราจรที่มีอยู่ในปัจจุบันและที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต อีกทั้งยังลดระยะเวลาการเดินทาง ส่งผลให้ประชาชนผู้ใช้เส้นทางได้รับความสะดวก ความปลอดภัยในการใช้เส้นทางเพิ่มมากขึ้น
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวอีกว่า ได้ให้กรมทางหลวงขอความร่วมมือผู้ประกอบการโรงงานในซอยวัดพันท้ายฯ ให้เริ่มวิ่งหลังจากชั่วโมงเร่งด่วน และประสานกับการประปาและการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ให้เร่งดำเนินการเคลื่อนย้ายโดยด่วน เพื่อให้สามารถดำเนินโครงการต่อไปได้อย่างรวดเร็ว ไม่ส่งผลกระทบต่อประชาชน พร้อมกำชับให้มีการชี้เแจงทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ ไม่ให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อน
ด้านนายอภิชาติ ไพรรุ่งเรือง ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย กล่าวพร้อมประชาชนที่ได้รับผลกระทบมายื่นหนังสือเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งไขปัญหา ว่า สหพันธ์ฯ พร้อมสมาชิก 10 สมาคมรถบรรทุก ได้รับผลกระทบจากการใช้เส้นทางพระราม 2 เป็นอย่างมาก ทำให้การเดินทางตรงจากกรุงเทพฯ มายังบริเวณซอยพันท้ายนรสิงห์ใช้เวลาในการเดินทางถึง 2 ชม. จากเดิม 45 นาที เท่านั้น
ประการสำคัญหากต้องการเลี่ยงเส้นทางพระราม 2 โดยอ้อมไปใช้ถนนเพชรเกษม ทำให้ต้นทุนการขนส่งสูงขึ้น 700-800 บาท/เที่ยว/คัน โดยใน 1 วันจะมีรถบรรทุกใช้เส้นทางพระราม2 ประมาณ 1,000 คัน จากรถทั้งหมดของสมาพันธ์ฯ 200,000 คัน หรือประมาณ 700,000 บาท/วัน และโดยเฉลี่ยแล้วจะทำให้ต้นทุนในส่วนของน้ำมันรถบรรทุกสูงขึ้น 20-30% ส่งผลให้ผู้ประกอบการขนส่งต้องปรับเพิ่มค่าจ้างกับผู้ว่าจ้างเพื่อให้คุ้มค่าขนส่ง และผู้ว่าจ้างก็จะผลักภาระไปยังผู้บริโภคเป็นทอด ๆซึ่งจะส่งผลให้ราคาสินค้าบางอย่างต้องสูงขึ้นตามต้นทุนการขนส่งที่สูงขึ้น
“แม้ว่าสหพันธ์ฯ จะเห็นด้วยกับการปรับปรุงถนนดังกล่าวแต่ต้องทำอย่างอย่างมีแบบแผน บูรณาการกันทุกหน่วยงาน ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของผู้ใช้ถนน เป็นหลัก ขณะที่การตั้งด่านของตำรวจก็ไม่ควรตั้งในเส้นทางนี้เพราะปกติก็ติดขัดอยู่แล้ว และหน่วยงานควรประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง เบื้องต้นนำเสนอให้ตั้งคณะกรรมการร่วมเพื่อแก้ไขปัญหาจราจรและเร่งขับเคลื่อนโครงการดังกล่าวนี้โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน”