“บางจาก” ชี้การเปลี่ยนผ่านสู่ยุคพลังงานสะอาด โลกยังต้องพึ่งพา “พลังงานฟอสซิล” ต่อไป ควบคู่ “พลังงานหนุนเวียน”
“บางจาก” ชี้การเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด โลกยังต้องพึ่งพา “พลังงานฟอสซิล” ต่อไป ควบคู่ “พลังงานหนุนเวียน” เหตุการลงทุนมุ่งไปสู่พลังงานสะอาดต้องใช้เงินมากถึง 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ทางออกการสร้างสมดุลระหว่างความมั่นคงทางพลังงานและความยั่งยืน ผ่านเทคโนโลยีและแนวทาง “ดูดซับคาร์บอน” ตามธรรมชาติ
วันนี้ (2 พฤศจิกายน 2565) กลุ่มบริษัทบางจาก จัดสัมมนาประจำปีครั้งที่ 12 ภายใต้หัวข้อ “Energy Security and Carbon Sequestration” ในปีนี้จัดขึ้นเพื่อสะท้อนความสำคัญของการสร้างความมั่นคงด้านพลังงานที่กำลังเป็นประเด็นท้าทายที่ทั่วโลกต้องเผชิญ เมื่อแนวโน้มความต้องการใช้พลังงานทั่วโลกยังคงสูงขึ้นต่อเนื่อง ทำให้ก๊าซธรรมชาติและน้ำมันจะยังคงเป็นแหล่งพลังงานที่สำคัญของโลกไปอีกหลายทศวรรษ มนุษย์จึงต้องพัฒนาเทคโนโลยีการจัดการคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดขึ้นจากการใช้ชีวิตประจำวันหรือการทำธุรกิจเพื่อแก้ปัญหาสภาพอากาศ รวมถึงการใช้การดูดซับทางธรรมชาติร่วมสร้างความยั่งยืนให้แก่โลก ควบคู่กันกับการขยายการลงทุนในพลังงานหมุนเวียนและสร้างทางเลือกของแหล่งพลังงานเพื่อความยั่งยืน ขณะที่โลกกำลังเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานสะอาดเพื่อไปสู่เป้าหมาย Net Zeroทั้งนี้ ในช่วงรอยต่อการเปลี่ยนผ่านจากพลังงานฟอสซิลไปสู่พลังงานสะอาดนั้นต้องใช้ทั้งเวลาและเงินทุนมหาศาล รวมถึงเทคโนโลยีที่เหมาะสม โดยมี Taxonomy หรือการจัดหมวดหมู่ธุรกิจการลงทุนที่ช่วยลดคาร์บอนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเป็นปัจจัยสำคัญที่ชวยเร่งให้การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานได้เร็วขึ้น สร้างมูลค่าให้การลงทุนที่จะช่วยให้เกิดการลดคาร์บอน ส่งเสริมให้เกิดการลงทุนมากขึ้นผ่านสิทธิประโยชน์ต่างๆ รวมถึงการกำหนดนโยบายด้านการเงิน เช่น ภาษีคาร์บอน (carbon tax) และการสนับสนุนการซื้อขายคาร์บอนเครดิตจะทำให้มีการจัดสรรทรัพยากรโดยภาคเอกชนกันเอง โดยธุรกิจหรืออุตสาหกรรมที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนมาก นำเงินส่วนหนึ่งมาซื้อคาร์บอนเครดิตเพื่อเป็นการชดเชย และนำเงินส่วนนั้นมาพัฒนาธุรกิจพลังงานสะอาด ช่วยเร่งให้เกิดการเปลี่ยนผ่านอีกทางหนึ่ง
กลุ่มบริษัทบางจาก จึงให้ความสำคัญกับการสร้างสมดุลระหว่างความท้าทายด้านพลังงาน 3 ประการ (Balancing the Energy Trilemma) ได้แก่ ความมั่นคงด้านพลังงาน (Energy Security) การเข้าถึงพลังงาน (Energy Affordability) และความยั่งยืนของทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม (Environmental Sustainability) เพื่อสร้างสมดุลระหว่างการนำพลังงานจากโลกมาใช้ ซึ่งมีผลต่อการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศกับการรักษาสิ่งแวดล้อมและดูแลโลกใบนี้ให้ยั่งยืน และได้มีการตั้งเป้าหมายสู่ Net Zero ในปีค.ศ. 2050 (Carbon Neutrality ในปี 2030) ผ่านแผนงาน BCP 316 NET
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจาก และ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวบรรยายพิเศษในหัวข้อ “Energy Security and Carbon Sequestration” ว่า โลกจะยังคงต้องพึ่งพาพลังงานฟอสซิลไปอีกระยะหนึ่ง เพราะการเปลี่ยนผ่านพลังงานฟอสซิลไปสู่พลังงานสะอาดไม่สามารถเกิดขึ้นได้ชั่วข้ามคืน แต่การดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ทั้งทางธรรมชาติ เช่น การปลูกต้นไม้ และด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ จะทำให้พลังงานฟอสซิลสามารถสร้างสมดุลกับพลังงานสะอาดได้
ทั้งนี้ ปัจจุบันทั่วโลกมีการใช้พลังงานอยู่ประมาณวันละ 1.67 ล้านล้านล้านจูน หรือเทียบเท่าเครื่องบินโบอิ้ง 747 บินรอบโลกวันละ 1 แสนเที่ยว หรือบินจากโลกไปดวงจันทร์วันละ 5 พันเที่ยว และพลังงานที่ใช้ทั้งหมด 60-70% มาจากฟอสซิล ดังนั้น ถ้าเราจะเปลี่ยนจากพลังงานฟอสซิลไปเป็นพลังงานหมุนเวียนใช้เงินลงทุน 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐต่อปีไม่เพียงพออย่างแน่นอน ซึ่งตอนนี้เรากำลังเผชิญกับความยั่งยืน แต่สุดท้ายคือ ความมั่นคงทางด้านพลังงาน เพราะพลังงานหมุนเวียน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม ยังไม่มีความเสถียรเพียงพอ ดังนั้น พลังงานฟอสซิลจะยังคงต้องมีอยู่ต่อไป แม้ว่าจะไม่ยั่งยืน แต่ราคาน้ำมันถูกกว่า และพลังงานหมุนเวียนยังไม่สามารถตอบโจทย์ได้ทั้งหมด ทางออกของปัญหาคือ การนำคาร์บอนไดออกไซด์กลับมาใช้ประโยชน์ ซึ่งเป็นทางออกทำให้ความมั่นคงด้านพลังงาน และราคาพลังงานไม่สูงจนเกินไป
ภายในงานการสัมมนาครั้งนี้ ได้รับเกียรติจาก ดร. ปรเมธี วิมลศิริ ประธานกรรมการ ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวปาฐกถาในหัวข้อ “Sustainable Finance Taxonomy” และมีวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิที่มาร่วมนำเสนอข้อมูลล่าสุดทั้งในระดับโลกและระดับประเทศ ในหัวข้อ “Global Energy Outlook and Energy Transition” โดย Mr. Roberto Bocca, Head of Platform for Shaping the Future of Energy, Materials and Infrastructure, World Economic Forum องค์กรระดับโลกที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักในเรื่องการดำเนินกิจกรรมเพื่อเสนอแนะทิศทางในการกำหนดนโยบายด้านเศรษฐกิจ สังคม และการพัฒนาในระดับระหว่างประเทศ หัวข้อ “Gold Hydrogen: Key to Net Zero Economy” โดย Mr. Moji Karimi, Co-Founder and CEO, Cemvita Factory Inc. สตาร์ทอัพจากสหรัฐอเมริกา หัวข้อ “Advancing a Lower Carbon Future with Carbon Capture, Utilization and Storage (CCUS)” โดย Mr. Robert Dobrik, Chief Executive Officer, Star Petroleum Refining Co., Ltd. หัวข้อ “Innovating CO2 Recovery Technology” โดย Mr. Aniruddha Sharma, Co-Founder and CEO, Carbon Clean Solutions Limited สตาร์ทอัพจากสหราชอาณาจักร และหัวข้อ “Nature-Based Solutions” โดยผู้บริหารจากเชลล์ Ms. Flora Ji Qing, Global Vice President, Nature-Based Solutions
ทั้งนี้ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จัดสัมมนาสิ่งแวดล้อมเป็นประจำปีทุกปีตั้งแต่ ปี 2554 เป็นต้นมา เพื่อสะท้อนให้สาธารณชนได้เห็นถึงประเด็นด้านสังคมหรือสิ่งแวดล้อมที่ควรตระหนักและร่วมมือกันแก้ไขหรือพัฒนา เป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจจากทุกภาคส่วน เช่น เรื่องปัญหาการจัดการขยะ ภัยแล้ง การจัดการน้ำ นวัตกรรมและภาวะโลกร้อน