พลังงาน

“เอ็กโก กรุ๊ป” เดินหน้าลงทุนพลังงานสะอาดและพัฒนาเทคโนโลยีลดคาร์บอน

“เอ็กโก กรุ๊ป” เดินหน้าลงทุนพลังงานสะอาดและพัฒนาเทคโนโลยีลดคาร์บอน โชว์กำไรจากการดำเนินงาน 9 เดือนของปี 65 กว่า 10,000 ล้านบาท

 บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ เอ็กโก กรุ๊ป โชว์ผลประกอบการ 9 เดือนแรกของปี 2565 เติบโตต่อเนื่อง มีกำไรจากการดำเนินงาน 10,345 ล้านบาท ปัจจัยหนุนจากรายได้ค่าขายไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นของโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ในขณะเดียวกัน ยังเดินหน้าขยายการลงทุนในสหรัฐฯ ต่อเนื่อง ด้วยการซื้อหุ้น 49% ในโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม “ไรเซ็ก” (RISEC) รัฐโรดไอแลนด์ สหรัฐอเมริกา รวมทั้งความสำเร็จในการร่วมลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) ระหว่างบริษัทในกลุ่ม กฟผ. และกระทรวงการลงทุน แห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ด้านพลังงานสะอาด

นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอ็กโก กรุ๊ป เปิดเผยว่า “ในช่วง 9 เดือนแรกของ ปี 2565 จนถึงปัจจุบัน เอ็กโก กรุ๊ป ประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจและการขยายการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ได้แก่ การเดินเครื่องเชิงพาณิชย์โรงไฟฟ้าพลังน้ำ “น้ำเทิน 1” กำลังผลิตติดตั้งรวม 650 เมกะวัตต์ ใน สปป.ลาว การซื้อหุ้นเพิ่มอีก 10% ในโรงไฟฟ้าพลังงานลม “ชัยภูมิ วินด์ฟาร์ม” และ    “เทพพนา วินด์ฟาร์ม” จ.ชัยภูมิ ส่งผลให้เอ็กโกกลายเป็นผู้ถือหุ้นทั้งหมดของโรงไฟฟ้าทั้ง 2 แห่ง การขยายการลงทุนในสหรัฐอเมริกา ด้วยการซื้อหุ้น 49% ในโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ “ไรเซ็ก” กำลังผลิต 609 เมกะวัตต์ และล่าสุดการผนึกกำลังลงนามบันทึกข้อตกลงระหว่างบริษัทในกลุ่ม กฟผ. และกระทรวงการลงทุน แห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย เพื่อเปิดประตูสู่การเข้าไปดำเนินธุรกิจ ลงทุน แลกเปลี่ยนประสบการณ์ ความรู้ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ด้านการเปลี่ยนผ่านพลังงานดั้งเดิมไปสู่พลังงานสะอาด รวมถึงระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้า การให้บริการงานเดินเครื่องและบำรุงรักษา กับภาครัฐและภาคเอกชนของราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย เพื่อบรรลุเป้าหมายการลดคาร์บอนของทั้งสองประเทศ”

สำหรับผลประกอบการงวด 9 เดือนแรกของปี 2565 เอ็กโก กรุ๊ป มีรายได้รวมทั้งสิ้น 46,737 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 61% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มีกำไรจากการดำเนินงาน 10,345  ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,290 ล้านบาท หรือคิดเป็น 28% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2564 โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากโรงไฟฟ้า “พาจู อีเอส” มีรายได้ค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ในขณะที่โรงไฟฟ้า “ขนอม” โรงไฟฟ้า “ไซยะบุรี” และโรงไฟฟ้า “แก่งคอย 2” มีปริมาณการขายไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ประกอบกับโรงไฟฟ้า “น้ำเทิน 1” เริ่มเดินเครื่อง        เชิงพาณิชย์และจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2565

สำหรับทิศทางการลงทุนปี 2566 นายเทพรัตน์ กล่าวว่า “เอ็กโก กรุ๊ป ยังคงแสวงหาโอกาสการลงทุนใหม่อย่างต่อเนื่อง ภายใต้แนวคิด “Cleaner, Smarter and Stronger to Drive Sustainable Growth” โดยมุ่งขยายธุรกิจไฟฟ้าที่ผลิตจากเชื้อเพลิงดั้งเดิมและพลังงานหมุนเวียน ในพื้นที่ที่มีฐานธุรกิจอยู่แล้ว โดยเฉพาะในประเทศสหรัฐอเมริกา สำหรับธุรกิจไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในต่างประเทศจะนำโดย “เอเพ็กซ์” ในขณะที่การลงทุนในประเทศ บริษัทมีแผนที่จะเข้าร่วมประมูลโครงการพลังงานหมุนเวียนของภาครัฐ โดยเฉพาะพลังงานแสงอาทิตย์และระบบแบตเตอรี่กักเก็บพลังงาน นอกจากนี้ ยังจะพัฒนาพลังงานสะอาดใหม่ ๆ ได้แก่ การลงทุนในโครงการนำร่องผลิตไฟฟ้าจากเซลล์เชื้อเพลิงที่โรงไฟฟ้า “คลองหลวง” จ.ปทุมธานี กำลังผลิต 5 เมกะวัตต์  ในขณะเดียวกันจะบริหารสินทรัพย์และโรงไฟฟ้าที่มีอยู่ให้มีประสิทธิภาพสูงสุดและปลดปล่อยคาร์บอนให้น้อยที่สุด ด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีที่ช่วยลดการปล่อยคาร์บอนและนำมาใช้กับโรงไฟฟ้า เช่น เทคโนโลยีดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Carbon Capture and Storage – CCS) และการศึกษาเพื่อนำแอมโมเนียมาใช้เป็นเชื้อเพลิงผสมเพื่อลดการปลดปล่อยคาร์บอน เป็นต้น”

“ทิศทางการลงทุนดังกล่าวสอดคล้องกับเป้าหมายมุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำของเอ็กโก กรุ๊ป เพื่อบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2593 และเพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่อหน่วยไฟฟ้าที่ผลิตได้ลง 10% ภายในปี 2573 ในขณะเดียวกัน ยังเป็นการสร้างการเติบโตให้องค์กรควบคู่กับการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วนอย่างยั่งยืน ท่ามกลางยุคเปลี่ยนผ่านของอุตสาหกรรมไฟฟ้าและพลังงาน” นายเทพรัตน์ กล่าวสรุป

Related Articles

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button