พลังงาน

“ไทยออยล์” เปิดตัวซีอีโคคนใหม่ ประกาศเป้าหมายธุรกิจมุ่งสู่พลังงานสะอาดและผลิตภัณฑ์มูลค่าสูงในปี 2030 

ซีอีโอป้ายแดง ไทยออยล์ บัณฑิต ธรรมประจำจิต” เปิดวิชั่นทรานส์ฟอร์มธุรกิจมุ่งสู่พลังงานสะอาดและผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง เผยเป็นปีทองธุรกิจน้ำมันรับท่องเที่ยวฟื้นตัว ยืนยันพร้อมผลิตน้ำมันดีเซลมาตรฐานยูโร5 ได้ตามกฎหมายบังคับใช้ 1 ม.ค. 67 ประกาศลงทุนปี 2566-2568 กว่า 3 หมื่นล้านบาท มุ่งสู่ Net Zero และรองรับสังคมผู้สูงอายุ 

นายบัณฑิต ธรรมประจำจิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน)  เปิดเผยถึงภารกิจของไทยออยล์ภายหลังได้เข้ารับตำแหน่งซีอีโอคนใหม่เมื่อเดือนมกราคม 2566 ที่ผ่านมาว่า ตนมีภารกิจสำคัญที่ต้องดำเนินการ คือ สานต่อการทรานส์ฟอร์มธุรกิจกลุ่มไทยออยล์ตามเส้นทางยุทธศาสตร์หลัก 3V คือ 1) Value Maximization ต่อยอดจากธุรกิจปิโตรเลียมไปสู่ธุรกิจปิโตรเคมีและผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง (High Value Products) 2) Value Enhancement เสริมความแข็งแกร่งในประเทศ ขยายตลาดและกระจายผลิตภัณฑ์ไปสู่ต่างประเทศในระดับภูมิภาค รองรับการเติบโตของธุรกิจกลุ่มไทยออยล์ ในอนาคต รวมทั้งตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคให้มากยิ่งขึ้น และ 3) Value Diversification ลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ โดยเฉพาะธุรกิจที่มีมูลค่าสูง (High Value Business) และ ธุรกิจ New S-Curve อื่นๆ ให้สอดคล้องต่อแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของโลก 

เป้าหมายหลักของตนในปี 2566 จะเป็นการเร่งดำเนินโครงการสำคัญตามแผนกลยุทธ์ เช่น โครงการพลังงานสะอาด หรือ Clean Fuel Project (CFP) ตลอดจนการเตรียมความพร้อมในการขยายตลาดไปต่างประเทศในระดับภูมิภาค โดยเฉพาะ ประเทศเวียดนาม อินโดนีเซีย และอินเดีย พร้อมทั้งเร่งศึกษาในการต่อยอดห่วงโซ่คุณค่าเพื่อเพิ่มจำนวนผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง และแสวงหาโอกาสเข้าสู่ธุรกิจที่มีมูลค่าสูง เช่น ธุรกิจสารเคมีที่ใช้เพื่อการยับยั้งและกำจัดเชื้อโรค รวมถึงสารลดแรงตึงผิวที่ใช้ในผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด (Disinfectants & Surfactants) 

“ปี 2566 ไทยออยล์ใช้งบลงทุนกว่า 2 หมื่นล้านบาท โดยส่วนใหญ่จะเป็นการลงทุนพลังงานสะอาดให้แล้วเสร็จตามแผน และโครงการที่แล้วเสร็จก่อนจะเป็นส่วนการผลิตน้ำมันดีเซลมาตรฐานยูโร5 ซึ่งในวันที่ 1 มกราคม 2567 ตามกฏหมายได้บังคับให้น้ำมันทุกลิตรที่ออกจากโรงกลั่นในประเทศไทยจะต้องได้มาตรฐานยูโร5 ซึ่งหน่วยงานนี้จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับองค์กร ส่วนการลงทุนไบโอเคมีคัลอยู่ระหว่างการศึกษาว่ามีผลิตภัณฑ์อะไรบ้างที่ตอบโจทย์ไทยออยล์” 

นอกจากนี้ ไทยออยล์มองว่าปี 2566 ธุรกิจน้ำมันมีแนวโน้มสดใส โดยเฉพาะน้ำมันอากาศยานทางไทยออยล์ได้เตรียมกำลังการผลิตไว้เต็มที่ จำนวน 3 แสนบาร์เรลต่อวัน ซึ่งแม้ว่าทางกลุ่มโอเปกจะลดกำลังการผลิตลงเพื่อรักษาระดับราคาในตลาดโลกไม่ให้ต่ำลง แต่ทั่วโลกมีความต้องการมากขึ้น รวมถึงทางประเทศจีนมีการเปิดประเทศด้วย ทำให้ความต้องการน้ำมันยังอยู่ในระดับสูง

นายบัณฑิต กล่าวด้วยว่า ไทยออยล์ยังมีแผนการลงทุนระยะ 3 ปี ช่วงปี 2566-2568 วงเงิน 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยงบลงทุน 50% จะนำไปลงทุนลงทุนโครงการพลังงานสะอาด หรือ Clean Fuel Project : CFP และโครงการ Petrochemical Complex แห่งที่ 2 ในประเทศอินโดนีเซีย ส่วนวงเงินที่เหลือใช้สำหรับการลงทุนปรับปรุงประสิทธิภาพโครงการในอินเดีย และอินโดนีเซีย  

นายบัณฑิต กล่าวเสริมว่า จากแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของโลก ไม่ว่าจะเป็นแรงกดดันด้านสิ่งแวดล้อมที่เป็นตัวเร่งให้เกิดการตั้งเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ หรือ Net Zero การเปลี่ยนผ่านของอุตสาหกรรมพลังงานไปสู่การใช้พลังงานสะอาด รวมถึงการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคและการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ บริษัทจึงได้ปรับเป้าหมาย ธุรกิจกลุ่มไทยออยล์ ในปี 2030 สัดส่วนกำไรจากธุรกิจปิโตรเลียมและผลิตภัณฑ์มูลค่าสูงอยู่ที่ 40% ธุรกิจปิโตรเคมีและผลิตภัณฑ์มูลค่าสูงที่ต่อยอดจากปิโตรเคมี 30% ธุรกิจที่มีมูลค่าสูงและธุรกิจใหม่ๆ 25% และธุรกิจไฟฟ้า 5% เพื่อให้สอดคล้องกับแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของโลก เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน 

นอกจากนี้ ซีอีโอคนใหม่ ไทยออยล์ยังได้เสนอแนวคิด “TOP for The Great Future” ขับเคลื่อนธุรกิจให้มั่นใจว่า ไทยออยล์จะบรรลุวิสัยทัศน์และเป้าหมายใหม่ที่ตั้งไว้ได้อย่างสำเร็จ โดยคำว่า “TOP” มาจาก 

T – Transformation ทรานสฟอร์มธุรกิจในทุกมิติ ให้มั่นใจว่า องค์กรพร้อมขับเคลื่อนไปสู่เป้าหมายใหม่ สร้างธุรกิจกลุ่มไทยออยล์ให้เติบโตอย่างยั่งยืน ด้วยการมุ่งไปสู่ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีมูลค่าสูงและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพิ่มศักยภาพความสามารถของพนักงานให้รองรับการดำเนินธุรกิจใหม่ๆ พร้อมทั้งยกระดับนวัตกรรม มุ่งเน้นการวิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆที่ตอบสนองแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของโลก และแสวงหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ รวมถึงการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ให้องค์กรขับเคลื่อนด้วยข้อมูล 

O – Operational to Business Excellence ยกระดับการทำงานปัจจุบันจาก Operational Excellence ไปสู่ Business Excellence สร้างองค์กรที่ขับเคลื่อนโดยระบบงานระดับ World Class ด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยและทีมงานมืออาชีพ สู่ความเป็นเลิศทางธุรกิจ 

P – Partnership & Platform สร้างการเติบโตด้วยแนวทางความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และธุรกิจร่วมกัน รวมถึงใช้ประโยชน์สูงสุดจากแพลตฟอร์มต่างๆ ที่มีอยู่ให้เข้าถึงธุรกิจใหม่ๆ และเพิ่มประสิทธิภาพในการสนับสนุนการขยายธุรกิจในอนาคต” 

ไทยออยล์ จะยังคงมุ่งมั่นสร้างความแข็งแกร่งในธุรกิจปัจจุบัน และเตรียมความพร้อมในการสร้างธุรกิจใหม่ๆ อย่างมีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ภายใต้หลักธรรมาภิบาลที่ดี เพื่อสร้างสรรค์คุณภาพชีวิต ด้วยพลังงานและเคมีภัณฑ์ที่ยั่งยืน และก้าวสู่การเป็นองค์กร 100 ปีต่อไป” นายบัณฑิตฯ กล่าวทิ้งท้าย 

Related Articles

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button