คปภ. ลงพื้นที่ช่วยเหลือด้านประกันภัย กรณี “รถเก๋ง ชนรถบรรทุก 10 ล้อ” เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 5 ราย ที่ จ.ขอนแก่น
ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) เปิดเผยว่า จากกรณีรถยนต์เก๋ง หมายเลขทะเบียน กธ 9415 พระนครศรีอยุธยา เฉี่ยวชนท้ายรถบรรทุกสิบล้อ หมายเลขทะเบียน 89-8980 นครราชสีมา เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุเป็นชาย 2 ราย หญิง 2 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ ต่อมาเสียชีวิตที่โรงพยาบาลโนนศิลา จำนวน 1 ราย รวมเสียชีวิต จำนวน 5 ราย เหตุเกิดบนไหล่ทางถนนหมายเลข 2 (ถนนมิตรภาพ) กม.276 ตำบลโนนศิลา อำเภอโนนศิลา จังหวัดขอนแก่น เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2566 นั้น เบื้องต้นได้สั่งการให้สายคุ้มครองสิทธิประโยชน์ บูรณาการร่วมกับสายส่งเสริมและประกันภัยภูมิภาค สำนักงาน คปภ. ภาค 3 (ขอนแก่น) และสำนักงาน คปภ. จังหวัดขอนแก่น ในฐานะเจ้าของพื้นที่เกิดเหตุ ตรวจสอบการทำประกันภัย พร้อมทั้งติดตามรายงานความเสียหายอย่างเร่งด่วนผ่าน Platform การรายงานข้อมูลกรณีอุบัติภัยกลุ่มหรือรายใหญ่ด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งให้ลงพื้นที่เพื่ออำนวยความสะดวกด้านประกันภัยให้กับครอบครัวของผู้ประสบภัยอย่างเต็มที่ เพื่อให้ระบบประกันภัยช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับครอบครัวของผู้เสียชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นธรรม
ทั้งนี้ ได้รับรายงานจากสำนักงาน คปภ. จังหวัดขอนแก่น ซึ่งได้ลงพื้นที่ทันที โดยจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า รถยนต์เก๋ง หมายเลขทะเบียน กธ 9415 พระนครศรีอยุธยา ทำประกันภัยภาคสมัครใจ แบบคุ้มครองเฉพาะภัย (ชั้น 2+) กับบริษัท เทเวศประกันภัย จำกัด (มหาชน) เริ่มคุ้มครองวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2566 สิ้นสุดความคุ้มครองวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2567 คุ้มครองกรณีความรับผิดต่อบุคคลภายนอก ความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย หรืออนามัย เฉพาะส่วนเกินวงเงินสูงสุดตาม พ.ร.บ. 500,000 บาทต่อคน 10,000,000 บาทต่อครั้ง คุ้มครองความเสียหายต่อทรัพย์สิน จำนวน 1,000,000 บาทต่อครั้ง ความคุ้มครองความเสียหายต่อรถยนต์ เนื่องจากการชน กับยานพาหนะทางบก 200,000 บาทต่อครั้ง ความคุ้มครองอุบัติเหตุส่วนบุคคล ผู้ขับขี่เสียชีวิต จำนวน 1 คน 100,000 บาท และผู้โดยสารเสียชีวิต จำนวน 4 คน จำนวน 100,000 บาทต่อคน ค่ารักษาพยาบาล จำนวน 100,000 บาทต่อคน และประกันตัวผู้ขับขี่ จำนวน 300,000 บาทต่อครั้ง โดยยังไม่พบข้อมูลการทำประกันภัยภาคบังคับ (พ.ร.บ.)
ด้านรถบรรทุกสิบล้อ หมายเลขทะเบียน 89-8980 นครราชสีมา ได้ทำประกันภัยภาคบังคับกับบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เริ่มคุ้มครองวันที่ 31 มีนาคม 2565 สิ้นสุดความคุ้มครองวันที่ 31 มีนาคม 2566 โดยคุ้มครองกรณีเสียชีวิต หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง 500,000 บาทต่อคน กรณีบาดเจ็บสูงสุดไม่เกิน 80,000 บาทต่อคน กรณีสูญเสียอวัยวะ 200,000-500,000 บาทต่อคน กรณีทุพพลภาพอย่างถาวร 300,000 บาทต่อคน และกรณีเข้ารักษาในสถานพยาบาลในฐานะคนไข้ในจะได้รับค่าชดเชยรายวัน 200 บาทต่อวัน รวมกันไม่เกิน 20 วัน และพบข้อมูลการทำประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ (ประเภท 3) กับบริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) เริ่มคุ้มครองวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2566 สิ้นสุดความคุ้มครองวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2567 โดยกรมธรรม์ให้ความคุ้มครองต่อความเสียหายต่อเสียชีวิต ร่างกาย หรืออนามัยของบุคคลภายนอก จำนวน 500,000 บาทต่อคน 10,000,000 บาทต่อครั้ง ความเสียหายต่อทรัพย์สิน จำนวน 600,000 บาทต่อครั้ง ความคุ้มครองอุบัติเหตุส่วนบุคคล ผู้ขับขี่เสียชีวิต จำนวน 1 คน 500,000 บาท และผู้โดยสารเสียชีวิต จำนวน 2 คน จำนวน 500,000 บาทต่อคน ค่ารักษาพยาบาล จำนวน 50,000 บาทต่อครั้ง และประกันตัวผู้ขับขี่ จำนวน 500,000 บาทต่อครั้ง
สำหรับการติดตามค่าสินไหมทดแทนให้กับครอบครัวของผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้ เบื้องต้นทายาทโดยธรรมของผู้ขับขี่และผู้โดยสารรถยนต์เก๋ง หมายเลขทะเบียน กธ 9415 พระนครศรีอยุธยา ที่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต 5 ราย จะได้รับจำนวนเงินเอาประกันภัยรายละ 100,000 บาท จากการทำประกันภัยความคุ้มครองการประกัยภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (ร.ย.01) ทั้งนี้ สำนักงาน คปภ. จังหวัดขอนแก่น ได้ประสานงานบริษัท เทเวศประกันภัย จำกัด (มหาชน) แล้ว ซึ่งบริษัทตกลงจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้แก่ทายาทผู้ประสบภัยที่เสียชีวิต ในวันที่ 30 มีนาคม 2566 และได้มอบหมายให้พนักงานของบริษัทในพื้นที่ติดต่อทายาทผู้เสียชีวิตเพื่อรวบรวมเอกสารหลักฐานให้ครบถ้วนและชดใช้ค่าสินไหมทดแทนโดยเร็ว และสำนักงาน คปภ. จังหวัดขอนแก่น ได้ตรวจสอบข้อมูลของทายาทโดยธรรมของผู้เสียชีวิต พบว่าส่วนใหญ่มีภูมิลำเนาอยู่ที่อำเภอนามน จังหวัดกาฬสินธุ์ โดยสำนักงาน คปภ.จังหวัดขอนแก่นได้ประสานงานกับสำนักงาน คปภ. ภาค 3 (ขอนแก่น) และสำนักงาน คปภ. จังหวัดกาฬสินธุ์ เพื่อดำเนินการอำนวยความสะดวกและติดตามอย่างใกล้ชิดเพื่อให้บริษัทจ่ายค่าสินไหมทดแทนอย่างถูกต้อง รวดเร็ว และเป็นธรรม อย่างไรก็ตาม สิทธินอกเหนือจากนี้ อยู่ระหว่างการรวบรวมเอกสาร และผลของคดีการเกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้อยู่ในระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สำนักงาน คปภ. จังหวัดขอนแก่น และสำนักงาน คปภ. จังหวัดกาฬสินธุ์ จะเร่งติดตามผลคดี และติดตามการจ่ายค่าสินไหมทดแทนตามสัญญาประกันภัยโดยเร็วที่สุด
นอกจากนี้ สำนักงาน คปภ. จะบูรณาการการทำงานร่วมกับสมาคมประกันชีวิตไทย และสมาคมประกันวินาศภัยไทย เพื่อตรวจสอบเพิ่มเติมว่าผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุครั้งนี้มีการทำประกันภัยประเภทอื่น ๆ ไว้ด้วยหรือไม่ หากตรวจสอบพบภายหลังว่าผู้ประสบภัยมีการทำประกันภัยประเภทอื่น ๆ เพิ่มเติมอีกก็จะช่วยประสานงานให้ได้รับค่าสินไหมทดแทนเพิ่มเติมตามสัญญาประกันภัยที่ระบุไว้
“สำนักงาน คปภ.ขอแสดงความเสียใจอย่างยิ่งกับครอบครัวของผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุครั้งนี้ และพร้อมจะดูแลในด้านประกันภัยอย่างเต็มที่ ทั้งนี้อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ทุกที่ ทุกเวลาและกับทุกคน เพื่อความอุ่นใจ ควรให้ความสำคัญกับการทำประกันภัยเพื่อช่วยบริหารความเสี่ยงภัย โดยเฉพาะการประกันภัยรถภาคบังคับ (พ.ร.บ.) การประกันภัยรถภาคสมัครใจ และการประกันภัยประเภทอื่น ๆ เพื่อให้ระบบประกันภัยช่วยบริหารความเสี่ยงและเยียวยาความสูญเสียต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือไม่ได้รับความเป็นธรรมด้านประกันภัย ติดต่อสายด่วน คปภ. 1186” เลขาธิการ คปภ. กล่าวในตอนท้าย