สกนช. ชี้ครึ่งปีหลังปี 66 ทิศทางราคาน้ำมันลดลง โชว์ฐานะกองทุนน้ำมันฯ ฟื้นตัวเร็วเดือนเม.ย.ติดลบเหลือ 8.5 หมื่นล้าน
สกนช. ชี้แนวโน้มราคาน้ำมันในตลาดโลกในช่วงครึ่งปีหลังปี 2566 ผันผวนน้อย คาดราคาน้ำมันดีเซลสำเร็จรูปอยู่ที่ 90 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล จับตาการประชุมเฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% กดดันราคาน้ำมันปรับลดลงเผยฐานะเงินกองทุนน้ำมันฯ เดือนเมษายนติดลบหลือราว 8.5 หมื่นล้านบาท พร้อมดำเนินการปรับลดราคาน้ำมันขายปลีกดีเซลลง 4 ครั้งในรอบครึ่งปี เพื่อช่วยพยุงราคาที่เหมาะสมไม่เกิดผลกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชนจนมากเกินไป โดยปัจจุบันราคาดีเซลอยู่ที่ 33 บาท/ลิตร
วันนี้ (26 เมษายน 2566) นายวิศักดิ์ วัฒนศัพท์ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เปิดเผยว่า คาดว่าทิศทางราคาน้ำมันในตลาดโลกช่วงครึ่งปีหลังปี 2566 จะมีความผันผวนน้อย ถ้าดูในมิติราคาน้ำมันดีเซลสำเร็จรูปจะอยู่ในระดับ 90 กว่าเหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ซึ่งจะทำให้การจัดการสถานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงไม่มีปัญหาแต่อย่างใด
สำหรับราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลที่เคยมีการขยับขึ้นไปแตะ 35 บาทต่อลิตร เมื่อราคาในตลาดโลกปรับลดลงทาง สกนช. ได้ปรับลดราคาให้กับประชาชน 4ครั้งๆ ละ 50 สตางค์ รวมเป็นเงิน 2 บาท ทำให้ราคาลดลงมาอยู่ที่ 33 บาทต่อลิตร ในช่วงครึ่งปีหลังปี 2566 ถ้าสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวลดลงทางคณะกรรมการ สกนช. ก็จะมีการปรับลดลงมาอีก อย่างไรก็ดี สถานการณ์โลกจะเป็นตัวแปรที่สำคัญที่จะกำหนดราคาขายปลีกดีเซลให้กับประชาชน
“การปรับลดราคาดีเซลลง 4 ครั้ง รวมราคา 2 บาท ได้ส่งผลดีต่อภาคขนส่งลดลง 30 สตางค์ ถือว่าส่งผลดีกับประชาชน ที่ทำให้ค่าครองชีพไม่แพงขึ้น”
นายวิศักดิ์ กล่าวว่า ปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันในตลาดโลกยังอยู่ที่ภาวะสงครามรัสเซีย-ยูเครน จะลากยาวแค่ไหน และการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะมีการพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่าอาจจะมีการปรับขึ้นอีกประมาณ 0.25% ต่อปี ทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง เพื่อสกัดภาวะเงินเฟ้อ ซึ่งจะส่งผลให้ราคาน้ำมันลดลง แม้ว่าทางทางกลุ่มสมาชิกประเทศผู้ผลิตน้ำมันโลก (โอเปกพลัส) ได้ประกาศปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันลงในเดือนพฤษภาคม 2566 ก็ตาม
นายวิศักดิ์ กล่าวด้วยว่า การดำเนินงานของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในช่วงครึ่งปีงบประมาณ 2566 ช่วงเดือนตุลาคม 2565-มีนาคม 2566 อยู่ในเกณฑ์ดี กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมีสภาพคล่องเพิ่มขึ้น โดยในช่วงต้นปีงบประมาณฯ ฐานะเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเคยติดลบสูงสุดเดือนพฤศจิกายน 2566 ที่ 130,671 ล้านบาท ได้ทยอยปรับลดลงมา โดยในเดือนมีนาคม 2566 ติดลบเหลือ 94,471 ล้านบาท และล่าสุด 23 เมษายน 2566 ติดลบเหลือ 85,586 ล้านบาท
สำหรับสภาพคล่องของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่ปรับตัวดีขึ้นเป็นผลมาจากสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกเริ่มคลี่คลาย โดยราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยรายเดือนเฉลี่ยลดลง จากช่วงต้นปีงบประมาณเดือนตุลาคม 2565 อยู่ที่ 91.13 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ลดมาเหลือ 78.49 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลในเดือนมีนาคม 2566 ส่วนน้ำมันสำเร็จรูปดีเซล (Gas Oil) เดือนตุลาคมก็สูงถึง 133.84 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ปรับลดลงมาในเดือนมีนาคมที่ผ่านมาเหลือ 98.92 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล
ทั้งนี้ ภายหลังจากกระทรวงการคลังค้ำประกันการกู้ยืมเงินของสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงทำให้สามารถดำเนินการกู้ยืมเงินได้ ประกอบกับราคาน้ำมันในตลาดโลกเริ่มลดลง ส่งผลให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเริ่มเรียกเก็บเงินเข้าและมีสภาพคล่องมากขึ้น จนสามารถลดราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลไป 4 ครั้ง ๆ ละ 0.50 บาทต่อลิตร ส่งผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลจาก 34.94 บาทต่อลิตร เป็น 32.94 บาทต่อลิตรหรือประมาณ 33 บาทต่อลิตร
ในด้านความคืบหน้าของการกู้ยืมเงินเสริมสภาพคล่องกองทุนน้ำมันฯ นั้น สกนช. ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีในการกู้ยืมเป็นจำนวน 150,000 ล้านบาท โดยบรรจุเป็นหนี้สาธารณะของประเทศไปแล้ว 110,000 ล้านบาท ปัจจุบัน สกนช. ทำการกู้ยืมไปแล้ว 30,000 ล้านบาท และในเดือนเมษายน 2566 จะทำการกู้ยืมเงินเพิ่มอีก 20,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะทยอยทำการกู้ยืมเงินตามสภาพคล่องของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงต่อไป
ฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงวันเมื่อที่ 23 เมษายน 2566 กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงสุทธิติดลบ 85,586 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นบัญชีน้ำมันติดลบ 38,749 ล้านบาท และบัญชีก๊าซ LPG ติดลบ 46,837 ล้านบาท