ลุ้นค่าไฟฟ้างวดก.ย.-ธ.ค. ลด 23-50 สตางค์ต่อหน่วย
ลุ้นลดค่าไฟ 23 – 50 สตางค์ต่อหน่วย ในงวด ก.ย. – ธ.ค. 66) ชี้แนวโน้มราคาก๊าซ LNG ลดลง บวกกับ ปตท.สผ. เร่งผลิตก๊าซอ่าวไทยหลุม G1 ซึ่งมีราคาถูกกว่า 2 – 3 เท่า หากได้ตามเป้าจะลดภาระค่า Ft ให้กับประชาชนจนหายเหนื่อย
ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ว่า จากสถานการณ์ความผันผวน ของราคาก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) นำเข้าที่ส่งผลต่อค่าเอฟที (Ft) ในช่วงที่ผ่านมา สำนักงาน กกพ. จึงศึกษาแนวโน้มราคาค่าไฟฟ้าที่แปรผันไปตามราคา LNG ของงวดถัดไป โดยกำหนดให้ปัจจัยการผลิตอื่นเป็นตัวแปรคงที่ ซึ่งได้ตัวเลขค่า Ft ดังนี้
- ราคา LNG เฉลี่ย 14 เหรียญสหรัฐต่อล้านบีทียู (MMbtu) จะลดค่า Ft ได้ 30 สตางค์ต่อหน่วย
- 2. ราคา LNG เฉลี่ย 15 เหรียญสหรัฐต่อล้านบีทียู (MMbtu) จะลดค่า Ft ได้ 26 สตางค์ต่อหน่วย
- 3. ราคา LNG เฉลี่ย 16 เหรียญสหรัฐต่อล้านบีทียู (MMbtu) จะลดค่า Ft ได้ 23 สตางค์ต่อหน่วย
ทั้งนี้ สำนักงาน กกพ. ใช้ตัวเลขจากปริมาณการผลิตก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยในเวลาปัจจุบัน หาก ปตท.สผ. สามารถผลิตก๊าซในอ่าวไทยได้เพิ่มขึ้นจากหลุม G1 ตามแผน ก็จะทำให้อัตราค่า Ft ลดลงได้มากกว่านี้ อาจลดลงได้ถึง 50 สตางค์ต่อหน่วย เนื่องจากราคาก๊าซในอ่าวไทยที่ผลิตได้มีราคาถูกกว่า LNG นำเข้า 2 – 3 เท่าตัว ซึ่งสามารถนำมาลดต้นทุนการผลิตไฟฟ้าอย่างมีนัยสำคัญ
อย่างไรก็ตาม สำนักงาน กกพ. จะติดตามสถานการณ์ ราคาก๊าซ LNG นำเข้า เนื่องจากราคาก๊าซ LNG ในตลาดโลกที่ปรากฏให้เห็นในวันนี้ จะเป็นต้นทุนการผลิตไฟฟ้าในอีก 45 วันข้างหน้า เพราะกระบวนการสั่งซื้อก๊าซ LNG และขนส่งจากต้นทางมายังคลังก๊าซในประเทศไทยจะต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่า 45 วัน นอกจากนี้ สำนักงาน กกพ.จะดำเนินการมาตราการลดต้นทุนการผลิตไฟฟ้าด้านอื่นอย่างต่อเนื่อง โดยคำนึงถึงความมั่นคงทางพลังงานไฟฟ้า เพื่อให้มีไฟฟ้าใช้ตลอดเวลา สร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนและประชาชน
สำนักงาน กกพ. ยังคงขอความร่วมมือผู้ใช้ไฟฟ้าร่วมกันประหยัดพลังงานอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากโครงสร้างค่าไฟฟ้าบ้านอยู่อาศัยของไทยเป็นแบบอัตราก้าวหน้า หากท่านยิ่งใช้ไฟฟ้าจำนวนหน่วยมาก ก็จะถูกเรียกเก็บค่าไฟในอัตราที่สูงขึ้นและมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ดังนั้นหากท่านลดการใช้ไฟฟ้าที่ไม่จำเป็นลงนอกจากจะช่วยลดค่าใช้จ่ายของท่านเองแล้ว ยังเป็นการลดต้นทุนโดยรวมด้านพลังงานของประเทศด้วย