415 แบรนด์จาก25 ประเทศ ร่วมงาน TILOG-LOGISTIX 2019
กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ผนึก “รี้ด เทรดเด็กซ์” จัดงานแสดงเทคโนโลยี นวัตกรรม โซลูชั่น และบริการด้านโลจิสติกส์ ครั้งยิ่งใหญ่ประจำปี TILOG-LOGISTIX 2019 เวทีส่งเสริมการพัฒนาและขับเคลื่อนธุรกิจด้วยโลจิสติกส์ไทย นำผู้แสดงสินค้ากว่า 145 แบรนด์จาก 25 ประเทศร่วมแสดงศักยภาพพร้อมจัดสัมมนาระดับนานาชาติ คาดผู้เข้าชมกว่า 1.1 หมื่นราย ตั้งเป้าค่าเจรจาธุรกิจกว่า 1,600 ล้านบาท ดีเดย์ 28-30 ส.ค.นี้ ณ ไบเทค บางนา
น.ส.บรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การจัดงานแสดงเทคโนโลยี นวัตกรรม โซลูชั่น และบริการด้านโลจิสติกส์ TILOG-LOGISTIX 2019 เป็นงานที่แสดงถึงบทบาทความสำคัญของธุรกิจโลจิสติกส์ต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ จัดเป็นรากฐานสำคัญของการสร้างความสามารถในการแข่งขันของสินค้าและบริการของไทย โดยเฉพาะเทคโนโลยีเปลี่ยนโลก(Technology Disruption) ซึ่งเห็นได้จากการเติบโตแบบก้าวกระโดดของธุรกิจการค้าออนไลน์ของไทย โดยในปี 2561 มีมูลค่าสูงถึง 3.2 ล้านล้านบาท ขยายตัวถึง 14% เมื่อเทียบกับปี 2560 ที่ผ่านมา สูงสุดเป็นอันดับ 1 ในภูมิภาคอาเซียน สางผลให้ความต้องการการบริการโลจิสติกส์ของไทยเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจคลังสินค้า ไปรษณียภัณฑ์ และรังส่งสินค้า ในปี 2561 มีมากกว่า 3.08 หมื่นล้านบาท ขยายตัวจากปี 2560 ถึง 11.3%
การจัดงานครั้งนี้ภายใต้แนวคิด Transformation and Collaboration for Tomorow จึงเป็นเวทีแสดงศักยภาพของโลจิสติกส์ไทยในการเป็นศูนย์กลางของโลจิสติกส์ในภูมิภาคอาเซียน พลิกโฉมโลจิสติกส์ไทยผ่านการปรับใช้เทคโนโลยีโซลูชั่นที่ทันสมัย และสร้างเครือข่ายของผู้ให้บริการโลจิสติกส์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
“กระบวนการบริการจัดการโลจิสติกส์และห่วงโซ่อุปทานสำหรับสินค้าเกษตรที่เหมาะสม เช่น การรักษาคุณภาพ ยืดอายุให้สินค้า และลดต้นทุนก็เป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สร้างมูลค่าเพิ่มและขยายตลาดให้กับสินค้าเกษตรของไทย”
นายคงฤทธิ์ จันทริก ผู้อำนวยการบริหาร สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทผสไทย (สรท.) กล่าวว่า แม้ว่าจะมีปัจจัยหลากหลายที่ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการค่าระหว่างประเทศของไทย ทั้งสงครามการค้า พฤติกรรมผู้บริโภคสู่ Digital Economy หรือแม้แต่สถานการณ์ค่าเงินบาทของไทยและต้นทุนการเงิน หากผู้ประกอบการมีการเตรียมความพร้อมที่จะปรับตัวโดยเน้นการพัฒนาบิสิเนสโมเดลร่วมกับผู้ให้บริการโลจิสติกส์ทั้งในและต่างประเทศอย่างครอบคลุม การพัฒนาด้านไอที และอี-คอมเมิรส์รวมถึงพัฒนาด้านแรงงาน จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการแก่ลูกค้าและป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
สอดคล้องกับนายสุวิทย์ รัตนจินดา ประธานสมาพันธ์ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ไทย กล่าวว่า ทิศทางที่โลจิสติกส์ไทยจะแข่งขันได้ในอนาคตนั้นธุรกิจที่จะสามารถอยู่รอดได้ภายใต้การค้าระหว่างประเทศที่เปลี่ยนแปลงไปในยุคปัจจุบัน ผู้ประกอบการจะต้องมีความพร้อมด้านการลงทุน บุคลากรที่มีคุณภาพและมีเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจไปพร้อมกับการพัฒนาเทคโนโลยีเข้ามาบริหารจัดการด้านต่างๆ
ด้านนายสุทธิศักดิ์ วิลานันทน์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท รีดเทรดเอ็กซ์ จำกัด กล่าวว่า การจัดงานครั้งนี้เป็นครั้งที่ 5 ภายในงานจะพบกับผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ชั้นนำทั้งใน และต่างประเทศที่จะมานำเสนอทางเลือกใหม่ให้กับผู้ประกอบการ โดยได้รับการตอบรับจากคณะผู้แทนการค้าจากหลายประเทศเข้าร่วมงานและเจรจาธุรกิจกว่า 500 รายจากจีน ไต้หวัน มาเลเซีย และกลุ่มประเทศ CLMV
นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมที่น่าสนใจมากมายภายในงานนี้ อาทิ เทคโนโลยีโดรน นวัตกรรมโลจิสติกส์แห่งอนาคตที่โซน Innovation Showcase เรียนรู้จากแนวคิดและกลยุทธ์ของผู้นำวงการโลจิสติกส์เพื่อพัฒนามาตรฐานธุรกิจสู่ระดับสากล มีโซลูชั่นน่าสนใจมากมายจากญี่ปุ่นและหลายประเทศชั้นนำของโลก
“จะเน้นงานด้านนวัตกรรมเทคโนโลยีด้านต่างๆ การจัดการระบบโลจิสติกส์การลำเลียงระบบโกดัง เทคโนโลยีจะตอบโจทย์ดิจิทัลเน้นเรื่องการลดต้นทุนประสิทธิภาพด้านบริหารจัดการโลจิสติกส์ โดยไฮไลต์ในงานจะมีโซลูชั่นจัดเก็บสินค้าอัตโนมัติจากญี่ปุ่น โซลูชั่นระบบควบคุมสินค้าอัตโนมัติและโซลูชั่นโฟล์คลิฟต์ บางรายการจะเปิดตัวแบรนด์ครั้งแรกในภูมิภาคอาเซียน“
ด้านนางอารดา เฟื่องทอง ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาและส่งเสริมธุรกิจบริการ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า โลจิสติกส์เป็นธุรกิจที่สามารถสร้างรายได้โดยตรงให้กับประเทศ สร้างโอกาสให้กับภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้อง โดยยังสามารถใช้นวัตกรรมเทคโนโลยีไปลดต้นทุนได้อีกทางหนึ่งด้วย