เกษตรฯ เตรียมเปิดมหกรรมสินค้าสหกรณ์ทั่วไทย
เกษตรฯ เตรียมเปิดมหกรรมสินค้าสหกรณ์ทั่วไทย ภายใต้งาน “Fresh From Farm เนื้อ นม ไข่ ผักผลไม้ พรีเมี่ยม By CO-OP” กระจาย 16 จังหวัด สิงหาคม – กันยายน ขยายช่องทางการตลาดสินค้าสหกรณ์ให้เข้าถึงผู้บริโภค พร้อมเปิดโต๊ะเจรจาธุรกิจระหว่างสหกรณ์กับภาคเอกชนภายในงาน ต่อยอดธุรกิจสินค้ากลุ่มปศุสัตว์ของสหกรณคาดเติบโตกว่าปีละ 7,729 ล้านบาท
วันนี้ (21 ส.ค.62) นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานแถลงข่าวการจัดงานมหกรรมสินค้าสหกรณ์ ภายใต้งาน “Fresh From Farm เนื้อ นม ไข่ ผักผลไม้ พรีเมี่ยม By CO-OP” ณ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
โดยนางสาวมนัญญากล่าวว่า กระทรวงเกษตรฯมุ่งหวังที่จะพัฒนาขีดความสามารถในการผลิตสินค้าของเกษตรกรให้ได้มาตรฐาน ควบคู่ไปกับการส่งเสริมการแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้า และขยายช่องทางการตลาดให้ถึงมือผู้บริโภค และใช้กลไกระบบสหกรณ์เข้ามาบริหารจัดการผลผลิตให้กับเกษตรกรทำหน้าที่ในการส่งเสริมเกษตรกรผลิตสินค้าที่มีคุณภาพ การรวบรวมผลผลิตเพื่อนำมาสู่กระบวนการแปรรูป และเชื่อมโยงกับภาคเอกชน เพื่อจัดหาตลาดในการจำหน่ายสินค้าไปสู่ผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ
“ปัจจุบันสหกรณ์ภาคการเกษตรมีศักยภาพในการผลิตสินค้าได้หลากหลายชนิด โดยเฉพาะสินค้าเพื่อการบริโภค ทั้งกลุ่มสินค้าด้านพืช เช่น ข้าว พืชผัก ผลไม้ กลุ่มสินค้าปศุสัตว์ ได้แก่ โคเนื้อ นม ไข่ไก่ และสินค้าแปรรูปต่างๆ เช่น กาแฟ อาหารแปรรูป ส่วนผลิตภัณฑ์นม ขณะนี้สหกรณ์ได้ส่งออกจำหน่ายประเทศเพื่อนบ้าน เช่น สหกรณ์โคนมวังน้ำเย็น จำกัด จังหวัดสระแก้ว ได้ส่งนม UHT ไปยังประเทศกัมพูชาและจีน และสหกรณ์โคนมหนองโพราชบุรี จำกัด ได้ส่งออกนม UHT ไปประเทศลาว กัมพูชา และพม่า ส่วนผลิตภัณฑ์โคเนื้อโคขุน หลายสหกรณ์ได้มีการนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ทั้งไส้กรอก เนื้อเสียบไม้ ลูกชิ้นเนื้อ เบอร์เกอร์ ส่งจำหน่ายให้ร้านอาหารต่างๆ ส่วนสินค้าประเภท ข้าวหอมมะลิ กล้วยหอมทอง ทุเรียน มังคุด เงาะ กาแฟ สหกรณ์ได้ส่งสินค้าไปจำหน่ายในหลายช่องทาง ทั้งส่งไปขายในห้างโมเดินเทรด Big C เทสโก้โลตัส แมคโคร รวมถึงกระจายไปยังเครือข่ายสหกรณ์ในจังหวัดต่าง ๆ และศูนย์กระจายสินค้าสหกรณ์ทั่วประเทศ” รมช.เกษตรฯ กล่าว
ทั้งนี้ ในช่วงระหว่างเดือนสิงหาคม – กันยายน นี้ กรมส่งเสริมสหกรณ์ ได้จัดงานมหกรรมสินค้าสหกรณ์ ภายใต้ชื่องาน “Fresh From Farm เนื้อ นม ไข่ ผักผลไม้ พรีเมี่ยม By CO-OP” โดยจัดงานทั้งในส่วนกลางและภูมิภาค 16 จังหวัด ซึ่งจะเป็นโอกาสที่ดีสำหรับสหกรณ์ผู้ผลิตสินค้าต่างๆ โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าปศุสัตว์ที่มีผลิตภัณฑ์ประเภทเนื้อ นม และไข่ ที่จะได้นำผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่สหกรณ์ได้ผลิตขึ้น และผ่านกระบวนการแปรรูปที่ได้มาตรฐานแล้ว มาจัดแสดงและจำหน่ายสู่ผู้บริโภคโดยตรง ซึ่งภายในงานนี้ก็ยังมีเวทีสำหรับการเจรจาธุรกิจระหว่างสหกรณ์กับภาคเอกชน เพื่อให้สหกรณ์ได้เรียนรู้ถึงทิศทางของตลาดสินค้าและความต้องการของผู้บริโภค เพื่อจะได้นำกลับไปพัฒนากระบวนการผลิตสินค้าของสหกรณ์ได้สอดคล้องกับที่ตลาดต้องการ
ขณะที่นายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าวเสริมว่า ปัจจุบันสหกรณ์สามารถผลิตสินค้าแปรรูปได้หลากหลายชนิด สร้างการยอมรับจากผู้บริโภค ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งกรมส่งเสริมสหกรณ์ได้เข้าไปพัฒนาและต่อยอดการดำเนินธุรกิจรวบรวมและแปรรูปผลิตภัณฑ์ต่างๆ ให้กับสหกรณ์ โดยเฉพาะในปี 2561 ที่ผ่านมา ได้จัดสรรเงินอุดหนุนงบกลางปีจากโครงการไทยนิยมยั่งยืน ให้สหกรณ์นำไปจัดซื้ออุปกรณ์แปรรูปผลผลิต และร่วมกับสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และสถาบันอาหารแห่งชาติ นำความรู้จากงานวิจัยและใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ มาพัฒนาและปรับปรุงกระบวนการผลิต การแปรรูปและบรรจุภัณฑ์สินค้าของสหกรณ์ให้ได้คุณภาพ มีความโดดเด่น เป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มและยกระดับราคาสินค้าของสหกรณ์ให้เพิ่มสูงขึ้น
ทั้งนี้ สินค้ากลุ่มปศุสัตว์ เป็นสินค้าที่ยังมีโอกาสเติบโตและช่วยต่อยอดธุรกิจให้กับสหกรณ์ เนื่องจากตลาดยังมีความต้องการ ทั้งเนื้อโคขุน ไข่ไก่ และผลิตภัณฑ์นม อีกจำนวนมาก ทำให้แต่ละปีสหกรณ์สามารถดำเนินธุรกิจแปรรูปและจำหน่ายสินค้ากลุ่มปศุสัตว์ มีมูลค่าสูงถึง 7,729 ล้านบาท”อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าว
ปัจจุบันสหกรณ์โคนมมีจำนวน 99 แห่ง รวบรวมนม 2,000 ตัน/วัน คิดเป็น 57.38 % ของปริมาณนมโคทั้งระบบ (3,413 ตัน/วัน) เป็นน้ำนมโคแท้ 100 เปอร์เซ็นต์ สหกรณ์มีโรงงานแปรรูปนมที่ได้มาตรฐาน HACCP GMP ISO และฮาลาล ซึ่งผลิตภัณฑ์แปรรูปนมของสหกรณ์มีหลากหลาย ทั้งนมพาสเจอร์ไรส์ นม UHT โยเกิร์ต ไอศกรีม นมอัดเม็ด และส่งจำหน่ายไปยังห้างโมเดิร์นเทรด ได้แก่ ท็อปซุปเปอร์มาร์เก็ต, เทสโก้โลตัส, บิ๊กซี, แม็คโคร, แฟมิลี่มาร์ท, แม็กซ์เวลู และเซเว่น-อีเลฟเว่น เป็นต้น และมีสหกรณ์ 2 แห่ง ได้แก่ สหกรณ์โคนมวังน้ำเย็น จำกัด ส่งนม UHT ไปประเทศกัมพูชาและจีน ปีละกว่า 31 ล้านบาท และสหกรณ์โคนมหนองโพราชบุรี จำกัด (ในพระบรมราชูปถัมภ์) ได้ส่งผลิตภัณฑ์นม UHT ผ่านบริษัทผู้ส่งออก ไปยังประเทศลาว พม่าและกัมพูชา
ส่วนสหกรณ์ผู้เลี้ยงโคเนื้อ มีทั้งหมด 75 แห่ง ในพื้นที่ 37 จังหวัด จำนวนสมาชิกประมาณ 13,500 ราย จำนวนโค 120,000 ตัว คิดเป็นปริมาณ 57 % ของภาพรวมทั้งประเทศ ซึ่งมีหลายสหกรณ์ได้ส่งเสริมอาชีพการเลี้ยงโคขุนให้กับเกษตรกร และเป็นสหกรณ์ที่มีศักยภาพด้านการผลิตเนื้อโคขุนที่มีคุณภาพ เช่น สหกรณ์การเกษตรหนองสูง จำกัด จังหวัดมุกดาหาร สหกรณ์โคเนื้อกำแพงแสน จำกัด สหกรณ์เครือข่ายโคเนื้อ จำกัด จังหวัดนครปฐม สหกรณ์การเลี้ยงปศุสัตว์ กรป.กลางโพนยางคำ จำกัด จังหวัดสกลนคร และสหกรณ์ผู้เลี้ยงโคขุนในเขตปฏิรูปที่ดินปางศิลาทอง จำกัด จังหวัดกำแพงเพชร และสหกรณ์ได้มีการแปรรูปโคเนื้อ เป็นผลิตภัณฑ์ได้หลากหลาย เช่น เนื้อย่าง ไส้กรอก เบอร์เกอร์ และชิ้นส่วนเนื้อโคขุนต่างๆ เหมาะสำหรับทำปิ้ง-ย่าง ชาบู ซึ่งสหกรณ์ส่งเนื้อโคขุนจำหน่ายภายในจังหวัดและพื้นที่ใกล้เคียง และยังมีสหกรณ์ผู้เลี้ยงโคขุนบางแห่งได้ส่งผลิตภัณฑ์เนื้อโคขุน ผ่านบริษัทผู้ส่งออกไปยังประเทศจีน เวียดนาม และส่งชิ้นเนื้อโคขุนตัดแต่งไปจำหน่ายยังประเทศลาวและกัมพูชาด้วย
สำหรับสหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่ มี 5 แห่ง ในจังหวัดฉะเชิงเทรา ชลบุรี อ่างทอง เชียงใหม่ และหนองคาย ซึ่งไข่ไก่มาจากฟาร์มสมาชิกสหกรณ์ ผ่านการรับรองมาตรฐานฟาร์ม GAP และได้รับการรับรองสถานที่จำหน่ายไข่สดปลอดภัย ใส่ใจผู้บริโภค “ปศุสัตว์ OK ปลอดภัย ใส่ใจผู้บริโภค” จากกรมปศุสัตว์แล้วทุกแห่ง โดยสหกรณ์รวบรวมไข่ไก่สดจากสมาชิก และส่งจำหน่ายผ่านร้านค้าของสหกรณ์ ตลาดนัดชุมชน ศูนย์ราชการ โรงพยาบาล ร้านอาหาร รวมถึงห้างโมเดินเทรด ซึ่งกรมส่งเสริมสหกรณ์ ได้เห็นถึงโอกาสในการเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้าคุณภาพของสหกรณ์ จึงได้จัดงานมหกรรมสินค้าสหกรณ์ ปี 2562 ภายใต้ชื่องาน “Fresh From Farm เนื้อ นม ไข่ ผักผลไม้ พรีเมี่ยม By CO-OP” ซึ่งกำหนดจัดขึ้นทั่วประเทศระหว่างเดือนสิงหาคม – กันยายน 2562 ส่วนกลางจัดขึ้นที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่า พระราม 3 ระหว่างวันที่ 23 -25 สิงหาคม นี้ และจะกระจายไปอีก 15 จังหวัด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี พะเยา พิษณุโลก เชียงราย เพชรบูรณ์ อุทัยธานี บุรีรัมย์ หนองคาย มหาสารคาม มุกดาหาร ศรีสะเกษ สกลนคร กาฬสินธุ์ ราชบุรี และยะลา
อย่างไรก็ตามสินค้าที่จะนำมาจำหน่ายภายในงานนอกจากจะเป็นสินค้าปศุสัตว์ เนื้อ นม ไข่ แล้ว ยังมีสินค้าอื่นๆ อาทิ ข้าวสาร ผักปลอดภัย ผลไม้ภาคใต้ ทั้งมังคุด ลองกอง และสินค้าแปรรูป ซึ่งภายในงานยังมีการจัดเวทีเจรจาธุรกิจ เพื่อให้สหกรณ์ได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนเจรจาธุรกิจในการขายสินค้ากับผู้ประกอบการ นักธุรกิจภาคเอกชน ผู้ส่งออกสินค้าเกษตร และหอการค้าจังหวัด ดังนั้นขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนที่สนใจไปเที่ยวชมและเลือกซื้อสินค้าคุณภาพจากสหกรณ์โดยตรงได้ในงาน “Fresh From Farm” ซึ่งจะจัดขึ้นใน 16 จังหวัดกระจายไปตามภูมิภาคต่างๆ ตั้งแต่วันที่ 23 สิงหาคมนี้ เป็นต้นไป