เร่งพัฒนาแก้มลิง 11 แห่งสองฝั่งแม่น้ำชี
คณะองคมนตรี ลงติดตามสถานการณ์น้ำเขื่อนลำปาว จ.กาฬสินธุ์ ขอให้ทุกภาคส่วนน้อมนำพระราชกระแสในหลวง ดูแลช่วยเหลือประชาชนผ่านพ้นภัยแล้งใช้ชีวิตได้ปกติ เร่งพัฒนาแก้มลิง 11 แห่งสองฝั่งแม่น้ำชี แล้วเสร็จโดยเร็วรองรับท่วมแล้งภาคอีสาน สนก.เตือนเขื่อนน้ำน้อยวิกฤติ 19 แห่ง เขื่อนอุบลรัตน์ -2% เขื่อนป่าสัก เหลือ 3%
วันนี้ ( 21 ส.ค. 62) นายศักดิ์ศิริ อยู่สุข ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 6 กรมชลประทาน เปิดเผยว่านายจรัลธาดา กรรณสูต องคมนตรี ในฐานะประธานอนุกรรมการติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และ นายอำพน กิตติอำพน องคมนตรี พร้อมคณะ เดินทางมาประชุมติดตามสถานการณ์น้ำ และรับฟังบรรยายสรุปการบริหารจัดการน้ำเขื่อนลำปาว โดยมี นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ กล่าวต้อนรับ มีหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมติดตามสถานการณ์น้ำและแนวทางแก้ไขปัญหาภัยแล้ง
“คณะองคมนตรีขอให้ทุกภาคส่วนน้อมนำพระราชกระแสรับสั่งของพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ในการดูแลประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน ให้สามารถดำเนินชีวิตได้ตามปกติโดยเร็ว และน้อมนำแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในการเร่งรัดโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ แก้มลิง 11 แห่ง 2 ฝั่งลำน้ำชี ให้แล้วเสร็จ เพื่อนำมาประยุกต์ใช้ในการแก้ไขปัญหาด้านอุทกภัยและภัยแล้งในพื้นที่ลุ่มน้ำชี รวมถึงมุ่งเน้นการวางแผนเผชิญเหตุและแก้ไขปัญหาภัยแล้งอย่างรอบด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องให้ความสำคัญกับการจัดสรรน้ำอุปโภคบริโภคถึงระดับครัวเรือน การดูแลแหล่งกักเก็บน้ำในระดับหมู่บ้าน ทั้งการขุดลอกคูคลองและสระน้ำ อีกทั้งประสานจัดทำฝนหลวงเมื่อสภาพอากาศเอื้ออำนวย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนให้ได้มากที่สุด”นายศักดิ์ศิริ กล่าว
พร้อมกับได้รายงานสถานการณ์น้ำเขื่อนลำปาว ซึ่งมีความจุเก็บกัก 1,980 ล้านลูกบาศก์เมตร ปัจจุบัน (21 ส.ค. 62) มีปริมาณน้ำ 407 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 20 ของความจุเก็บกัก น้ำใช้การได้ 307 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 15 ของความจุเก็บกัก มีน้ำไหลเข้าอ่างฯ 4 ล้าน ลบ.ม. ส่งน้ำและระบายน้ำประมาณวันละ 1 ล้าน ลบ.ม. ปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์น้ำน้อย โดยได้คาดการณ์สถานการณ์น้ำเขื่อนลำปาว ในช่วงฤดูฝน 2562 คาดการณ์จาก Inflow ของปี 2536 ซึ่งมีปริมาณน้ำใกล้เคียงกับปัจจุบันว่าในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2562 จะมีปริมาณน้ำคงเหลือประมาณ 400 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็นร้อยละ 20 ของความจุเก็บกัก ซึ่งเพียงพอสำหรับการอุปโภคบริโภคและรักษาระบบนิเวศได้ตลอดจนถึงสิ้นเดือนกรกฎาคม 2563
อย่างไรก็ตาม ได้มีมาตรการและการวางแผนการบริหารจัดการน้ำเขื่อนลำปาวฤดูแล้ง ปี 2562/63 กรณีสถานการณ์น้ำน้อยที่สุด ให้สอดคล้องกับปริมาณน้ำต้นทุนตามลำดับความสำคัญของกิจกรรมการใช้น้ำ ได้แก่ การจัดสรรน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค และรักษาระบบนิเวศในฤดูแล้ง การสำรองน้ำไว้ใช้ในช่วงต้นฤดูฝน เพื่ออุปโภค-บริโภคและรักษาระบบนิเวศเดือนพฤษภาคม – กรกฎาคม การปรับลดการระบายน้ำ ควบคุมระดับเก็บกักหากมีปริมาณคงเหลือ 400 ล้าน ลบ.ม. จำเป็นต้องงดส่งน้ำเพื่อการเกษตร ทั้งนี้ได้นำเครื่องสูบน้ำจำนวน 22 เครื่องเข้าไปติดตั้งในจุดที่คาดว่าจะเกิดความเสี่ยงขาดแคลนน้ำจากการงดส่งน้ำของเขื่อนลำปาว ซึ่งกรมชลประทานได้ดำเนินการควบคุม ติดตามให้เป็นไปตามแผนการจัดสรรน้ำที่วางไว้ เพื่อให้มีน้ำเพียงพอในกิจกรรมที่จำเป็นได้จนถึงฤดูแล้งหน้า
สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ(สนก.)เตือนปริมาณน้ำเขื่อน มีน้ำใช้การน้อยวิกฤติ เช่น เขื่อนอุบลรัตน์ (-2%),เขื่อนจุฬาภรณ์ (2%),เขื่อนป่าสักฯ (3%),เขื่อนคลองสียัด (5%),เขื่อนภูมิพล (6%),เขื่อนลำนางรอง (9%),เขื่อนกระเสียว (9%),เขื่อนลำพระเพลิง (11%),เขื่อนสิริกิติ์ (11%),เขื่อนทับเสลา (12%),เขื่อนแควน้อย (13%),เขื่อนลำปาว(16%),เขื่อนสิรินธร (16%),เขื่อนมูลบน (16%),เขื่อนแม่กวง (18%),เขื่อนลำแซะ (18%),เขื่อนห้วยหลวง (19%),เขื่อนน้ำพุง (19%)