วิกฤติ”เขื่อนอุบลรัตน์”ปริมาณน้ำใช้การติดลบ 2%
วิกฤติเขื่อนอุบลรัตน์ ปริมาณน้ำใช้การติดลบ 2% ดึงน้ำก้นเขื่อนส่งกินใช้ 105 ล้านลบ.ม. ผลิตน้ำปะปา ส่วนภาคเกษตรหมดหวัง น้ำไม่พอส่งแล้ว
นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่จ.ขอนแก่น ตรวจสถานการณ์น้ำเขื่อนอุบลรัตน์ ที่มีปริมาณน้ำใช้การน้อยวิกฤติ ติดลบ2% ว่า ปัจจุบันมีน้ำในอ่างฯ 532.72 ล้าน ลบ.ม. โดยน้ำใช้การได้ที่เหลือขณะนี้ต่ำกว่าระดับเก็บกักต่ำสุด 48.95 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น -2.65 % ทั้งนี้จากแผนความต้องการใช้น้ำในฤดูฝนปี 62 ช่วงวันที่1มิย -31 ตค 62 ประมาณ 370 ล้าน ลบ.ม. โดยขณะนี้ได้ปรับลดการส่งน้ำเพื่อการเกษตรลง 265 ล้าน.ลบ.ม คงเหลือความต้องการใช้น้ำจากกิจกรรมอื่นตามแผน 105 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งได้ใช้น้ำก้นอ่างระบายเพื่อการอุปโภคบริโภคและรักษาระบบนิเวศไปแล้ว 42.73 ล้าน ลบ.ม.
นายเฉลิมชัย กล่าวว่าสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางหลายแห่งทั่วประเทศมีน้ำน้อยกว่า 30% ของความจุอ่างซึ่งถือว่า อยู่ในเกณฑ์เฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด กระทรวงเกษตรฯ ได้วางแผนส่งเสริมเกษตรกรเพาะปลูกพืชใช้น้ำน้อย ทำปศุสัตว์ งดทำนาปรัง เพื่อประหยัดน้ำไว้กินใช้ ซึ่งจะหาพืชที่เหมาะสม และปัจจัยการผลิต ขอให้เกษตรกรไม่ต้องกังวลเรื่องการจำหน่ายผลผลิต ตนจะประสานกับกระทรวงพาณิชย์ในการหาตลาดให้ จะทำให้เกษตรกรยังคงมีรายได้ในภาวะน้ำน้อย
สำหรับการคาดการณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยาการคาดการณ์น้ำกันยายนระบุว่า ลุ่มน้ำชี ในเดือนกันยายนจะมีฝนตกใกล้เคียงค่าปกติ 30 ปี และเดือนตุลาคมจะมีฝนน้อยกว่าค่าปกติประมาณ 5-10% ดังนั้นจึงสั่งการให้นายสุรสีห์ กิตติมณฑล อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร เร่งทำฝนหลวงเติมน้ำในอ่าง ส่วนกรมชลประทานต้องเก็บกักน้ำไว้ให้มากที่สุด ตลอดจนวางแผนบริหารจัดการน้ำให้เพียงพอ โดยเฉพาะน้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภคนั้นต้องจัดสรรอย่างรอบคอบจนกว่าจะสิ้นสุดฤดูแล้ง
นายทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า ได้วางแผนการจัดสรรน้ำในฤดูแล้ง (วันที่ 1 พ.ย.62 – วันที่ 31 พ.ค.63) เขื่อนอุบลรัตน์มีความต้องการใช้น้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคไว้แล้ว โดยจะจัดสรรน้ำตามลำดับความสำคัญดังนี้ น้ำเพื่ออุปโภค-บริโภค รักษาระบบนิเวศ และการอุตสาหกรรมประมาณ 488 ล้าน ลบ.ม. แต่คาดการณ์ว่า ปริมาณน้ำไหลเข้าเทียบเคียงกับปี 2558 ซึ่งเป็นปีที่มีฝนน้อย แต่ตามแผนบริหารจัดการที่วางไว้เลี้ยงพืชต่อเนื่อง (ไม้ผลและอ้อย) และการอุตสาหกรรมซึ่งจากนี้ไปยังมีโอกาสที่ฝนจะตกลงมาเติมทั้งในแหล่งน้ำธรรมชาติ อ่างเก็บน้ำ และแหล่งน้ำในระบบชลประทาน ซึ่งมั่นใจว่า จะมีน้ำเพียงพอไปจนถึงต้นฤดูฝนหน้า
สำหรับเขื่อนอุบลรัตน์มีสถานีผลิตน้ำประปาที่ใช้น้ำจากเขื่อนทั้งหมด 58 แห่งได้แก่ การประปาส่วนภูมิภาค 6 แห่ง ประปาหมู่บ้าน 52 แห่งและมีสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้า 138 แห่ง พื้นที่ 295,060 ไร่ ใช้น้ำ 419 ล้าน ลบ.ม. สถานการณ์น้ำของลุ่มน้ำชีขณะนี้ ทั้งแม่น้ำชีตอนบนตั้งแต่จังหวัดชัยภูมิถึงจังหวัดขอนแก่น ตอนกลางตั้งแต่จังหวัดขอนแก่นถึงจังหวัดกาฬสินธุ์ และตอนล่างตั้งแต่จังหวัดกาฬสินธุ์ถึงจังหวัดยโสธรมีน้ำน้อย แต่ฝนตกลงมาในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาทำให้ระดับน้ำมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
นายทองเปลว กล่าวว่า การบริหารจัดการน้ำลำน้ำ ชีซึ่งมีเขื่อนขนาดใหญ่ 3 แห่งได้แก่ เขื่อนอุบลรัตน์ เขื่อนลำปาว และเขื่อนจุฬาภรณ์ รวมถึงอ่างเก็บน้ำขนาดกลาง 69 แห่ง อีกที้งเขื่อนที่ระบายน้ำในแม่น้ำชี 6 แห่ง ที่ผ่านมาการทำการเกษตรใช้น้ำฝนเป็นหลัก จะระบายน้ำสนับสนุนเฉพาะเท่าที่จำเป็นในช่วงภาวะฝนทิ้งช่วง โดยเฉพาะในช่วงกลางเดือนมิถุนายน -ปัจจุบัน เพื่อให้มีน้ำเพียงพอสำหรับการอุปโภค -บริโภค และผลิตประปาตลอดแม่น้ำชีและลำน้ำที่มีการใช้น้ำดิบเพื่อผลิตประปา นอกจากนั้นยังได้สนับสนุนเครื่องสูบน้ำ รถบรรทุกน้ำ และเครื่องจักร -เครื่องมือ เข้าช่วยเหลือทั้งในเขตชลประทานและนอกเขตชลประทาน เมื่อได้รับการร้องขอจากจังหวัดหรือหน่วยงานอื่นๆ เพื่อช่วยเหลือการประปาส่วนภูมิภาค ,ประปาหมู่บ้าน และประปาท้องถิ่นต่างๆ ที่ขาดแคลนน้ำ สถานการณ์ปัจจุบันในแหล่งน้ำชลประทาน ที่มีการใช้น้ำเพื่อผลิตประปา 37 แห่ง ไม่ขาดแคลนน้ำ และมีปริมาณน้ำเพียงพอจนถึงฤดูแล้ง
ทางด้านเขื่อนลำปาว จังหวัดกาฬสินธุ์ปัจจุบันทยอยลดการส่งน้ำ โดยใช้น้ำฝนเป็นหลัก เมื่อปริมาณน้ำในอ่างลดเหลือ 400 ล้าน ลบ.ม.จะส่งน้ำเพื่ออุปโภค-บริโภค ประปาและรักษาระบบนิเวศเท่านั้น ส่วนเขื่อนจุฬาภรณ์ จังหวัดชัยภูมิงดส่งน้ำเพื่อข้าวนาปีเพื่อปัจจุบันเก็บกับน้ำสำหรัยการอุปโภค-บริโภคเป็นสำคัญ
ส่วนสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ(สสน.)เตือนสถานการณ์เขื่อนขนาดใหญ่มีน้ำน้อยวิกฤต น้ำใช้การได้ต่ำกว่าร้อยละ30 เช่น เขื่อนอุบลรัตน์(-2%),เขื่อนจุฬาภรณ์(3%),เขื่อนป่าสักฯ(3%),เขื่อนคลองสียัด(5%),เขื่อนภูมิพล(7%),เขื่อนลำนางรอง(8%),เขื่อนกระเสียว(9%),เขื่อนลำพระเพลิง(10%),เขื่อนทับเสลา(12%),เขื่อนลำแซะ(17%),เขื่อนมูลบน(17%),เขื่อนสิริกิติ์(17%),เขื่อนแควน้อย(18%)