เตือนอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ในภาคอีสานมีน้ำน้อยในเกณฑ์เฝ้าระวัง 5 แห่ง
กรมชลประทานระบุ อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่มีน้ำน้อยในเกณฑ์เฝ้าระวัง 5 แห่ง จากทั้งหมด 12 แห่ง เกษตรฯ เร่งวางแนวทางป้องกันและบรรเทาปัญหาขาดแคลนน้ำพื้นที่ตอนกลางของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นประธานการประชุมกำหนดมาตรการและบรรเทาปัญหาขาดแคลนน้ำในภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่เขื่อนห้วยหลวง จังหวัดอุดรธานี
โดยนายเฉลิมชัย เปิดเผยว่าจากการประชุมและมีการสรุปข้อมูลพบว่าน่าเป็นห่วงตอนกลางของภาคซึ่งปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำของเขื่อนหลักน้อย เขื่อนขนาดใหญ่ที่มีน้ำน้อยกว่า 30% มี 5 เขื่อนได้แก่ เขื่อนอุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่น เขื่อนจุฬาภรณ์ จังหวัดชัยภูมิ เขื่อนห้วยหลวง จังหวัดอุดรธานี เขื่อนลำตะคอง เขื่อนมูลบน เขื่อนลำพระเพลิง เขื่อนลำแซะ จังหวัดนครราชสีมา และเขื่อนลำนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์
รมว เกษตร์ บอกว่า จากปัญหาที่เกิดขึ้นพลเอกประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเป็นห่วงประชาชนที่ประสบภาวะฝนทิ้งช่วงจึงกำชับให้กระทรวงเกษตรฯ วางมาตรการระยะยาวเพื่อป้องกันและบรรเทาภัยแล้ง หลังสิ้นสุดฤดูฝนจึงมีนโยบายให้เร่งปฏิบัติการฝนหลวงเติมน้ำสู่เขื่อน ขุดลอกแหล่งน้ำธรรมชาติ แหล่งน้ำประจำท้องถิ่น และแก้มลิงต่างๆ อีกทั้งพื้นที่ท้ายเขื่อนให้สร้างฝายชะลอน้ำ จะสร้างพื้นที่เก็บกักน้ำเพิ่มให้มากขึ้นใน 1-2 ปีนี้
“ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือขณะนี้มีพื้นที่ในเขตชลประทานประสบภัยแล้ง 9 จังหวัดได้แก่ ขอนแก่น ชัยภูมิ อุบลราชธานี ยโสธร นครพนม อำนาจเจริญ นครราชสีมา บุรีรัมย์ และสุรินทร์ซึ่งได้ช่วยเหลือด้วยการสูบน้ำส่งเข้าสู่คลองชลประทานและจัดส่งรถบรรทุกน้ำไปให้ทุกพื้นที่ ส่วนพื้นที่ประสบอุทกภัยมี 5 จังหวัดได้แก่ นครพนม ยโสธร ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ และอุบลราชธานีได้ช่วยเหลือด้วยการสูบน้ำออกจากพื้นที่ท่วมขัง เปิดบานระบายน้ำของลำน้ำที่ไปบรรจบกับลำน้ำโขง และเร่งผลักดันน้ำออกเพื่อแก้ไขและบรรเทาผลกระทบต่อพื้นที่เกษตร” นายเฉลิมชัยกล่าว
ทางด้านนายทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทานกล่าวว่า ขณะนี้กำลังเร่งเดินหน้าโครงการเพิ่มศักยภาพการเก็บกักน้ำของอ่างเก็บน้ำขนาดเล็กและแก้มลิงซึ่งจะทำให้มีน้ำเสริมไว้ใช้ยามหน้าแล้ง ในวันนี้ (29 สิงหาคม 2562) รัฐมนตรีเกษตรฯ ได้มาตรวจสถานการณ์น้ำอ่างเก็บน้ำห้วยหลวง จังหวัดอุดรธานีซึ่งมีน้ำอยู่เกณฑ์น้อยคาดว่า เมื่อถึงวันที่ 1 พฤศจิกายน 62 ซึ่งเริ่มต้นฤดูแล้งจะมีน้ำ 28 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็น 22% ของความจุอ่างซึ่งไม่เพียงพอที่จะส่งน้ำเพื่อการทำนาต่อเนื่อง แต่วางแผนจัดสรรเพื่อการเพาะปลูกพืชน้ำน้อยและการว่าจ้างแรงงานตามมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร ปีงบประมาณ 2563 เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้ต่อเนื่อง
ส่วนสถานการณ์น้ำลุ่มน้ำชีซึ่งมีอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ 3 แห่ง ขนาดกลาง 69 แห่ง และขนาดเล็ก 50 แห่ง ปริมาตรน้ำใช้การได้ 472 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็น 12% ของความจุรวม ทั้งน้ำแม่น้ำชีมีความยาว 1,047 กิโลเมตร พื้นที่ชลประทาน 1,303,404.63 ไร่ ครอบคลุม 9 จังหวัดได้แก่ ชัยภูมิ ขอนแก่น หนองบัวลำภู กาฬสินธุ์ อุดรธานี มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ยโสธร และอุบลราชธานี ที่ผ่านมาในหากฝนทิ้งช่วงจะมีน้ำไม่เพียงพอ ขณะที่การพัฒนาแหล่งเก็บกักน้ำต้นทุนในพื้นที่ลุ่มน้ำมีน้อย น้ำจึงไม่พอเพียง พื้นที่อยู่ห่างไกลแหล่งน้ำ ไม่มีแหล่งเก็บกักน้ำประจำท้องถิ่น ส่วนในฤดูน้ำหลาก แหล่งเก็บกักน้ำที่มีอยู่ไม่เพียงพอที่จะเก็บน้ำได้หมดจึงทำให้เกิดน้ำท่วม โดยเฉพาะในปีที่ฝนมาก น้ำในอ่างเก็บน้ำมีมาก ต้องเพิ่มการระบายส่งผลให้น้ำท่วมพื้นที่ท้ายน้ำ ดังนั้นจึงจะเร่งนำนโยบายเพิ่มพื้นที่เก็บกักน้ำของรัฐมนตรีมาดำเนินการ